ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2952 พิถีพิถัน
เมื่อได้ยินคำถามของหลินหว่านชิว เย่เฉินก็รู้สึกตะลึงนิดหน่อยไปสักพัก
นี่ครั้งที่สองที่เย่เฉินได้ยินคนอื่นถามเขา ว่าจะไปหาคุณตาคุณยายของตัวเองที่อเมริกามั้ย
อีกอย่างครั้งก่อนคนที่ถามอย่างนี้กับตัวเอง ก็คือกู้ชิวอี๋
ดังนั้น เย่เฉินจึงใช้คำพูดที่เคยพูดกับกู้ชิวอี๋ในครั้งก่อน มาพูดกับหลินหว่านชิวอีกครั้ง แสดงออกว่าเขาไม่อยากไปรบกวนคุณตาคุณยายที่ไม่เจอกันมาเกือบยี่สิบปี รวมทั้งเดิมทีก็เคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
เมื่อหลินหว่านชิวได้ยินคำพูดนี้ ถึงแม้ว่าเบื้องลึกในใจจะเข้าใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถดูจากสีหน้าของเธอออก ว่าเธอก็ยังรู้สึกเสียดายแทนเย่เฉินอยู่บ้าง
ลังเลไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ ที่จริงแล้วหลายปีมานี้ ไม่เพียงแค่นายคนเดียวที่ตามหาความจริงที่พ่อแม่ของนายถูกฆ่า ในระหว่างที่ฉันและลุงกู้ของนายตามหานาย ก็ได้คิดหาวิธีทุกทางเพื่อตรวจสอบหาผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องเมื่อตอนนั้น แต่หลายปีมานี้ก็หาเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรจริงๆไม่ได้เลย เพราะงั้นทั้งฉันและลุงกู้ของนายก็รู้สึกว่า เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ จากการวิเคราะห์ทั้งหมด ถ้าหากว่านายจะใช้กำลังคนในการตามหาพวกมันออกมา คงจะยากมากแน่”
เวลานี้กู้เย้นจงเองก็พยักหน้าพูดว่า “เฉินเอ๋อ ถึงแม้ว่าดูจากผิวเผินแล้ว สังคมปัจจุบันจะบูรณาการไปแล้วทั่วโลก แต่เมื่อถึงตอนที่ต้องแบ่งแยกระดับจริงๆ อุปสรรคในทุกระดับล้วนห่างไกลเกินกว่าที่นายคิด”
“พวกเราอยู่ในประเทศ ตระกูลชั้นนำก็มีเพียงแค่สี่ห้าตระกูล ตระกูลอื่นถึงแม้จะนับว่ารวยมาก แต่ก็ไม่เคยเข้ามาในระดับของตระกูลชั้นนำได้เลย และความลับหลายอย่าง ช่องทางพิเศษหลายอย่างรวมทั้งทรัพยากร ก็มีเพียงแค่ตระกูลชั้นนำพวกนี้ที่รับรู้และครอบคลุมไว้ได้ นี่ยังเป็นเพียงแค่ในประเทศ ถ้าหากมองไปทั้งโลก ตระกูลระดับชั้นนำจริงๆก็แค่สามตระกูลนั่นเท่านั้น ความลับมากมาย มีเพียงแค่สามตระกูลนี้ที่รู้ เรื่องราวหลายอย่าง ก็มีเพียงแค่สามตระกูลนี้ที่จะสามารถตรวจสอบออกมาได้”
“ใครที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่นายกันแน่ เรื่องนี้คุณตาคุณยายของนายอาจจะรู้คำตอบตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ ถ้าหากใช้ทรัพยากรของพวกเขา คิดว่าก็คงจะสามารถตรวจสอบให้รู้แน่ชัดได้ เพราะงั้น ถ้าหากนายสามารถเข้าหาคุณตาคุณยายของนายได้ ความลึกลับนี้อาจจะสามารถไขกระจ่างได้ในทันที”
หลินหว่านชิวเองก็พูดอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างมากว่า “ใช่แล้วเฉินเอ๋อ ลุงกู้ของนายพูดถูก บางทีคุณตาคุณนายของนายก็อาจจะช่วยพอแม่นายแก้แค้นไปนานแล้ว ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น ตัวนายเองยังมาคอยหาทางตรวจสอบความจริงของเรื่องในตอนนั้นอยู่ที่นี่ หาคนร้ายที่ฆ่าพ่อแม่นาย บางทีอาจจะเป็นการทำโดยไร้ประโยชน์ก็ได้ ไม่ว่ายังไง ไปหาคุณตาคุณยายของนายก่อน จากนั้นก็ยืนยันเรื่องนี้กับพวกเขาก่อนถึงจะดีที่สุด”
เย่เฉินฟังมาถึงนี่ เงียบไปหลายวินาที แล้วพูดว่า “น้าหลิน ลุงกู้ เหตุผลของพวกคุณผมล้วนเข้าใจครับ เพียงแต่ว่าผมยังไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องทางด้านนี้ เรื่องนี้ให้ผมคิดดูอีกทีแล้วกันครับ”
หลินหว่านชิวพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ ถ้าหากว่านายรีบไปพบเจอกับคุณตาคุณยายของนายละก็ ยังมีส่วนที่ดีมากอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่มากของตระกูลอาน ถ้าหากว่าตระกูลอานยินดีจะช่วยนาย นั่นก็จะไม่ใช่แค่เพียงการช่วยเหลือนายอย่างมากเท่านั้น พวกเขายังถึงขั้นสามารถช่วยให้นายลำบากน้อยลงได้ถึงยี่สิบปี”
ในใจเย่เฉินไม่เคยคิดที่จะใช้ทรัพยากรของคุณตาคุณยาย แต่ว่าคำพูดของหลินหว่านชิวก็ออกมาจากความหวังดีทั้งนั้น เพราะงั้นตัวเขารู้ดีว่าตัวเองห้ามทำร้ายความหวังดีของคนอื่น
ดังนั้นเขาจึงตอบรับไปว่า “น้าหลิน คุณพูดถูกครับ ปัญหาทางด้านนี้ ผมเองก็จะรวมมันเข้ามาด้วย และคิดวิเคราะห์อย่างจริงๆครับ”
“งั้นก็ดี!” หลินหว่านชิวสบายใจไปเปลาะหนึ่ง พูดยิ้มๆว่า “นายเป็นหลานชายของตระกูลเย่ แล้วก็เป็นหลานของตระกูลอานด้วย ถ้าหากว่าอนาคตนายสามารถสืบทอดตระกูลเย่ได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็ค่อยบูรณาการทรัพยากรของตระกูลอาน ต่อไปตระกูลใหญ่ทั้งหมดในประเทศก็จะถูกบดบังอยู่ต่อหน้านาย แล้วบวกกับความสามารถโดดเด่นของนาย ไม่แน่หลายปีต่อมา ตระกูลเย่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของนาย อาจจะเป็นตระกูลคนจีนที่สามารถเบียดเข้าระดับชั้นเป็นอันดับที่สองก็ได้”
กู้เย้นจงเองก็พูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่ากำลังของตระกูลกู้จะยังไม่ถึงระดับชั้นนำอย่างแท้จริง แต่กำลังที่ช่วยเหลือเฉินเอ๋อก็ถือว่ามีอยู่ ถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะสามารถช่วยให้นายยืนได้สูงขึ้น มองได้ไกลขึ้นก็ได้!”