ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2971
เซียวชูหรันยิ้มออกมาอย่างจนใจ “คุณมันขี้โม้ คิดจะขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย แล้วรู้ไหมว่าแอลกอฮอล์ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะขับออกจากร่างกายหมด เมาไม่ขับ นี่คือกฎเหล็ก คุณจะลองดีเพียงเพราะตัวเองคอแข็งไม่ได้”
เย่เฉินสามารถใช้ปราณทิพย์ขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้จริงๆ แต่เขาเองก็รู้ ว่าภรรยาคงไม่เชื่อเขาแน่ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมาย
ดังนั้น เขาจึงพูดยิ้มๆว่า “ที่รักพูดถูก เมาไม่ขับ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เราดื่มไปก่อน ไปดูคอนเสิร์ตค่อยเรียกรถเอา”
“อย่างนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย!”เซียวชูหรันพูดยิ้มๆว่า “วันนี้ไม่ขับรถไปก็ดีเหมือนกัน คงมีคนไปดูคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ตอนนั้นลานจอดรถต้องเต็มจนหาที่จอดรถไม่ได้แน่ๆ เราเรียกรถไปดีกว่า หลังคอนเสิร์ตจบ จะได้เดินเล่นด้วย จากสถานที่จัดงานกลับมาที่บ้าน ก็คงประมาณสามสิบสี่สิบนาที ถือซะว่าเดินเล่นไปในตัวเป็นไง?”
เย่เฉินพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “ได้ครับ ตามใจคุณเลย”
ในตอนนี้เองเซียวฉางควานก็รีบเอ่ยพูดยิ้มๆ “ไอ้หยาลูกเขยพ่อ อีกเดี๋ยวอย่าลืมหยิบเหล้าหมาวถายมาด้วยนะ ฉันอยากดื่มมาหลายวันแล้ว!”
เย่เฉินยิ้ม”ครับ ผมจะหยิบเหล้าหมาวถายที่รสชาติดีที่สุดมาให้นะครับ!”
หม่าหลันเอ่ยขึ้น “เย่เฉิน เหล้าหมาวถายรสชาติดีๆในบ้านเราราคาเป็นแสน เอามาให้เซียวฉางควานดื่มคงเปลืองน่าดู แกเอาเหล้าหมาวถายที่รสชาติดีๆมาดื่มเองเถอะ แล้วค่อยหยิบรสธรรมดามาให้เขา”
เซียวฉางควานประท้วงอย่างขัดใจ “หม่าหลัน นี่คุณหมายความว่ายังไง? ของมันต้องกลืนลงท้องกันทั้งนั้น อีกอย่างก็ท้องใครท้องมัน มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ากลืนลงท้องผมแล้วมันจะสิ้นเปลืองไม่ทราบ?”
หม่าหลันเบ้ปาก “ไปๆๆ ไปส่องกระจกดูเอานะ!ดูหน้าแก่ๆของคุณเอาเถอะ!อย่างคุณคู่ควรกับเหล้าหมาวถายราคาเป็นแสนด้วยเหรอ? ถ้าคุณดื่มเข้าไป แล้วข่าวแพร่ออกไปข้างนอก พรุ่งนี้หุ้นของเหล้าหมาวถายได้ล่วงฮวบแน่ๆ!”
“คุณ…..” เซียวฉางควานสะบัดมือ แล้วกระโดดอยู่กับที่ เอ่ยพูดอย่างโมโห “คุณนี่มันปากเสียจริงๆ!คิดจะกวนโมโหผมหรือไง!”
หม่าหลันเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้ปากเสีย ที่ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ใครๆเขาก็พูดกันว่าม้าดีๆคู่ควรกับอานที่ดี แต่อย่างคุณอย่างมากก็เป็นได้แค่ลากรรมกรตัวหนึ่ง แม้แต่อานก็ไม่คู่ควร อย่างมากก็ห่มได้แค่หนังลา! เพราะงั้นคุณไม่ต้องดื่มเหล้าแพงๆอย่างหมาวถายหรอก ออกไปซื้อเหล้าเอ้อร์กัวโถวราคาหลักสิบที่ซูเปอร์มาเก็ตมาดื่ม ก็พอแล้วคุณน่ะ!”
เซียวฉางควานกุมหน้าอก หันไปพูดกับเย่เฉินและเซียวชูหรันว่า “เห็นหรือยัง ขนาดวันนี้เป็นวันเกิดเย่เฉิน แม่แกยังกวนโมโหกะเอาฉันให้ถึงตาย!ดีไม่ดีหลังจากนี้วันเกิดของเย่เฉินอาจจะกลายเป็นวันครอบรอบวันตายของฉันก็ได้ ลูกเขยพ่อ ขอโทษนะ ที่พ่อสร้างความอึดอัดใจให้แก!”
เซียวซูหรันจนปัญญา เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เฮ้อแม่ แม่ก็เพลาๆลงหน่อยเถอะ ทีแม่ใช้เครื่องสำอางราคาเป็นแสน พ่อยังไม่เห็นว่าอะไรเลย แล้วทำไมแม่ถึงเอาแต่กระแนะกระแหนเขาอยู่ได้?”
ดวงตาของเซียวฉางควานเป็นประกาย เอ่ยพูดอย่างระริกระรี้ว่า “ใช่!คุณบอกว่าหน้าแก่ๆอย่างผมไม่คู่ควรกับเหล้าหมาวถายราคาหลายแสน แล้วหน้าแก่ๆอย่างคุณคู่ควรกับเครื่องสำอางราคาเป็นแสนเหรอ? อย่าลืมสิ เราเป็นสามีภรรยากันนะ ถ้าจะให้พูดก็พอๆกันนั่นแหละ ถ้าผมเป็นลากรรมกร งั้นคุณก็เป็นลาขนสินค้า ไม่มีใครดีไปกว่ากันหรอก”
หม่าหลันรู้สึกอับอายแปลกๆ จึงสบถด่าออกมาอย่างกรุ่นโกรธ “ลาขนสินค้าบ้านแม่คุณสิ! ฉ่ำเชยอย่างคุณกล้ามาเปรียบเทียบกับฉันเหรอ? ดูหน้าคุณเอาเถอะ เหี่ยวอย่างกับหมาหน้าย่น ไม่เห็นจะหน้าใสเงาวาวเหมือนฉันตรงไหน ยังมีหน้ามาบอกว่าพอๆกันอีกเหรอ?”
เซียวฉางควานหัวร้อน มองมาที่เย่เฉินอย่างหงุดหงิด แล้วพูดว่า “แกดูสิ ฉันว่าที่แกซื้อเครื่องสำอางแพงขนาดนั้นให้เธอมันสิ้นเปลืองเปล่าๆ เอาเครื่องสำอางพวกนั้นไปทาให้หมา ยังดีกว่าให้เธอเอามาทาเองเสียอีก ตอนนั้นแกน่าจะฟังฉัน ก็บอกแล้วว่าให้ซื้อของปลอมให้เธอ ถึงยังไงคนบ้านนอกอย่างเธอก็ดูไม่ออกหรอก