ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2990
กู้ชิวอี๋ร้องเพลง《พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงานกับคุณ》เป็นเพลงเก่าของปี1993
แฟนคลับมากมายในงานบางคนถึงขั้นยังไม่เคยได้ฟังเพลงนี้มาก่อน
แต่ว่า ตัวเพลงนี้เดิมทีก็คลาสสิกมากอยู่แล้ว นักร้องมือทองมากมายเองก้เคยร้องเพลงนี้ในงานคอนเสิร์ตของตัวเอง
เพียงแต่ว่า ช่วงหลายปีมานี้ เพลงเก่าบทนี้ปรากฏออกมาให้เห็นในสายตาผู้คนน้อยมาก
แต่กู้ชิวอี๋ร้องเพลงนี้ได้อย่างน่าหลงใหล บวกกับชุดเจ้าสาวสีขาวที่สมบูรณ์แบบ ทำเอาเข้ากับอารมณ์ของบทเพลงนี้อย่างที่สุด
ที่สำคัญกว่าคือ ใครๆก็รู้ ที่กู้ชิวอี๋ร้องเพลงนี้ ก็เพราะร้องให้กับเจ้าชายขี่ม้าขาวที่เธอตามหามานานหลายปีคนนั้น
ดังนั้น นี่ก็ยิ่งทำให้แฟนคลับในงานซาบซึ้งใจยิ่งขึ้นไม่อีก
ใครจะคาดคิด เทพธิดาที่มีผู้คนจับตามองและรักใครเอ็นดูมากมาย จะลุ่มหลงในความรักต่อเจ้าชายขี่ม้าขาวในวัยเด็กมากขนาดนี้
ดังนั้น เมื่อเธอใส่ชุดเจ้าสาว แล้วร้องเพลงนี้ออกมาอย่างอ่อนโยนบนเวที แฟนคลับหญิงในงานก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าน้ำตานองหน้าอีกครั้ง
สิ่งที่ยิ่งทำให้แฟนคลับรู้สึกว่าสวยงามก็คือ ในตอนที่กู้ชิวอี๋ร้องเพลงนี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มอีกหลงใหลและความเขินอายของผู้หญิงอยู่ ใครๆก็ดูออกจากใบหน้าเธอถึงความลุ่มหลงและลึกซึ้ง
และชุดเจ้าสาวชุดนี้ของกู้ชิวอี๋ก็เสริมสร้างสีสันอย่างมาก เสื้อผ้าใส่อยู่บนร่างกายเธอ เหมาะสมพอดีกับรูปร่างของเธอ ดูก็รู้ว่าเป็นการสั่งตัดเพื่อเธอโดยเฉพาะ
อีกอย่าง ชุดเจ้าสาวชุดนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง วัสดุรวมทั้งความประณีตในการตัดเย็บก็ไร้ที่ติทั้งนั้น แม้ว่าจะผ่านการถูกซูมฉายด้วยความคมชัดสูงออกมาบนหน้าจอขนาดใหญ่สูงสิบกว่าเมตรของในงาน ก็มองจุดบกพร่องตรงไหนไม่ออกเลยสักนิด
เย่เฉินนั้นยิ่งเฉยตัวแข็งทื่อไปนานแล้ว
เขาไม่คาดคิดเลยว่า กู้ชิวอี๋จะใส่ชุดเจ้าสาว
และยิ่งไม่คาดคิดว่า กู้ชิวอี๋จะร้องเพลงนี้ในช่วงท้ายของงานคอนเสิร์ต
วินาทีนี้ ในที่สุดเย่เฉินก็รู้ว่าสิ่งนี้ ก็คือเซอร์ไพรส์ที่กู้ชิวอี๋ตั้งใจเตรียมไว้อย่างดีเพื่อตัวเขาเอง นี่ทำให้เขารู้สึกตกใจและหวั่นไหว ขณะเดียวกัน ก็มีความรู้สึกผิดอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
ยังไงซะ ภรรยาเซียวชูหรันก็นั่งอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ ส่วนเธอในตอนนี้ก็กำลังลุ่มหลงอยู่ในเสียงเพลงของกู้ชิวอี๋อยู่ เธอฝันไปก็คงคาดไม่ถึง ว่าเพลงนี้ของกู้ชิวอี๋ ที่จริงแล้วร้องให้กับสามีของตัวเองฟัง
เย่เฉินในตอนนี้ รู้สึกว่าในใจของตัวเอง มีสองความคิดกำลังโจมตีกันเองอย่างบ้าคลั่ง
ความคิดหนึ่งบอกกับตัวเองว่า กู้ชิวอี๋กับตัวเองนั้นมีสัญญาการแต่งงานอยู่ อีกอย่างเธอก็ตามหาตัวเองอย่างอดทนไม่ท้อถอยมานานหลายปีขนาดนี้ และทำตามสัญญาการแต่งงานที่มีอยู่กับตัวเองมาเสมอ ไม่ว่ายังไงตัวเองก็ต้องให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับเธอ
แต่ว่า อีกความคิดหนึ่งก็บอกกับตัวเองว่า เซียวชูหรันเป็นภรรยาของนาย หลายปีมานี้ทั้งโลกล้วนดูถูกนาย ต้องขอบคุณเธอที่ไม่ทอดทิ้งนายไปไหน แล้วนายจะได้มาแล้วทิ้งเธอไปได้ยังไงกัน?
ในขณะที่ในใจเย่เฉินกำลังสับสนวุ่นวายอย่างมาก กู้เย้นจงที่ห่างจากเขาหลายช่วงคน มองดูลูกสาวบนเวทีที่ใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ ได้น้ำตาไหลนองหน้าไปนานแล้ว
ก่อนหน้าที่จะได้เจอกันอีกครั้งกับเย่เฉิน ในตอนที่เขาเป็นมะเร็งตับอ่อนขั้นสุดท้าย และถูกแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกยืนยันว่าจะต้องตายแน่นอนภายในครึ่งปี เขารู้สึกว่าชีวิตของตัวเอง มีความเสียใจเพียงสองเรื่องและไม่สามารถชดเชยแก้ตัวได้ อย่างหนึ่งคือไม่สามารถหาตัวเย่เฉินเจอ อีกอย่างก็คือตัวเองคงไม่สามารถเป็นพยานเห็นลูกสาวตัวเองแต่งงานด้วยตาตัวเองแน่นอน
แต่ว่า ใครจะคาดคิด ช่วงชีวิตที่มืดมนที่สุดของตัวเอง จะนำพาความพลิกผันมาให้ หาตัวเย่เฉินเจอแล้ว!
หาตัวเย่เฉินเจอ สำหรับเขาแล้วไม่เพียงแค่หมายความว่าความเสียใจเรื่องหนึ่งของเขาได้รับการเติมเต็ม ที่สำคัญกว่านั้นคือ เย่เฉินทำให้เขาได้มีชีวิตใหม่
เมื่อเป็นอย่างนี้ ความเสียใจเรื่องที่สอง ก็จะไม่ใช่ความเสียใจอีกต่อไป เพราะว่าเขายังมีเวลาชีวิตอีกยาว และสามารถรอจนถึงวันที่ลูกสาวแต่งงานได้
เขาถึงขั้นคิดอย่างมั่นใจในก้นลึกหัวใจของตัวเองว่า เมื่อครบกำหนดเวลาสามปีแล้ว เย่เฉินจะต้องแต่งงานกับกู้ชิวอี๋แน่นอน
แล้วตอนนั้นชีวิตของตัวเขาเองก็ถือว่าสมบูรณ์แบบอย่างน่าพอใจแล้ว