ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3057
กำไรประจำปีของสำนักว่านหลงประมาณหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น การรบคราวนี้ สูญเสียเงินกำไรไปเศษหนึ่งส่วนสามทันที
นอกจากนี้ ตลาดของสำนักว่านหลงมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการรบครั้งนี้ เช่นเดียวกับบริษัท องค์กรทหารรับจ้างก็ควรให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและผลงานด้วย หากบริษัทมีข้อผิดพลาดที่ใหญ่และเรื่องอื้อฉาว ย่อมส่งผลกระทบต่อลูกค้าอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัท
ว่านพั่วจวินที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กัดฟันและด่าผ่านโทรศัพท์ “คุณรวบรวมทหารทั้งหมดของสำนักว่านหลงในซีเรีย ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะใช้วิธีไหน โจมตีฮามิดให้พังพินาศภายในสามวัน!”
“ครับ!” เฉินจงเหล่ยที่ปลายสายกล่าวโดยไม่ลังเล “ประมุขโปรดวางใจ ถ้าไม่สามารถทำภารกิจเสร็จ ผมจะถือศีรษะไปพบคุณ!”
ว่านพั่วจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จำคำพูดของคุณไว้!”
หลังจากกล่าวจบ เขาวางสายด้วยความโกรธ หน้าของเขาซีดเผือด
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความประหลาดใจ “ประมุข มีกองกำลังติดอาวุธที่แข็งแกร่งขนาดนั้นในซีเรียได้อย่างไร? คุณต้องการให้ผมบินไปช่วยพญาหมาป่าเนตรเขียวทันทีหรือไม่?”
ว่านพั่วจวินกล่วอย่างเย็นชาว่า “ไม่จำเป็น พวกเขาเป็นแค่กองกำลังพลเรือนเท่านั้น มันไม่คุ้มถ้าสำนักว่านหลงส่งราชันสงครามไปสองคนพร้อมกัน! ให้เฉินจงเหล่ยแก้ปัญหาด้วยตนเอง ถ้าเขาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ผมจะถามหาความรับผิดชอบจากเขาคนเดียว!”
ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของประมุข!”
ขณะนี้ ซูเฉิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตกใจ
เมื่อสักครู่ตอนที่พวกเขาสนทนาผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม ซึ่งมันคล้ายเครื่องส่งรับวิทยุ เขาจึงได้ยินสถานการณ์อย่างชัดเจน เมื่อเขาได้ยินว่าคนของว่านพั่วจวินพ่ายแพ้ในซีเรีย ทหารมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง
ด้านหนึ่ง เป็นเพราะจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมากจนน่าตกใจ ซึ่งคนทั้งตระกูลซูยังไม่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยคน แต่คนของว่านพั่วจวินตายไปคราวเดียวเยอะขนาดนี้ มันช่างน่าตกใจจริง ๆ
อีกด้านหนึ่ง เป็นเพราะเห็นว่านพั่วจวินโกรธมาก ตอนนี้ซูเฉิงเฟิงจึงไม่กล้าถามเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นกับเขา
เป็นจริงอย่างที่คาดไว้
ว่านพั่วจวินที่แสดงความทะเยอทะยานเมื่อสักครู่ โยนโทรศัพท์ดาวเทียมไปที่โต๊ะอาหารและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมไม่กินแล้ว ผมจะไปเย่นจิงทันที!”
ซูเฉิงเฟิงไม่คิดว่าว่านพั่วจวินบอกว่าจะไปก็ไปทันที ดังนั้นเขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “โอ้ พั่วจวิน พวกคุณเดินทางมาจากต่างประเทศด้วยความเหน็ดเหนื่อย พักผ่อนสักสามสี่วันแล้วค่อยว่ากัน คฤหาสน์ของผมมีห้องว่างสิบกว่าห้อง พวกคุณพักผ่อนอยู่ที่นี่สามสี่วันดีกว่า เพราะอย่างไรกว่าจะถึงวันเช็งเม้งยังเหลือเวลาอีกหลายวัน”
“ไม่ล่ะ” ว่านพั่วจวินโบกมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อีกไม่กี่วันก็เป็นวันครบรอบเสียชีวิตของพ่อแม่ผมแล้ว ซึ่งผมต้องเตรียมตัวล่วงหน้า และไปสักการะพวกเขาที่สุสานก่อน หลังจากนั้นต้องเตรียมโลงศพที่ดีที่สุด เตรียมพิธีย้ายหลุมฝังศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และหลังจากผมกำจัดตระกูลเย่แล้ว ก็จะย้ายโลงศพของพ่อแม่ไปที่ภูเขาว่านหลิงซาน!”
ซูเฉิงเฟิงกล่าวไปตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้พวกเขาอยู่ต่อจริง ๆ ถึงแม้ว่านพั่วจวินจะแข็งแกร่งมาก แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นหัวหน้าองค์กรทหารรับจ้างในต่างประเทศ ซึ่งตนเองนั้นเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ มันจะไม่เป็นผลดีถ้าหากมีคนรู้ว่าตนเองใกล้ชิดสนิทสนมกับบุคคลเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หากต่อไปตระกูลเย่ถูกเขากำจัดจริง ๆ ถ้าตนเองใกล้ชิดเขามากจนเกินไป คนอื่นจะคิดว่าตนเองร่วมมือกับเขากำจัดกับตระกูลเย่ และตนเองจะกลับเป็นแพะรับบาป คนในแวดวงนี้จะไม่มีใครกล้าไปมาหาสู่กับตนเอง
ดังนั้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดของว่านพั่วจวิน เขารีบลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างจริงจังว่า “พั่วจวิน ความแค้นของพ่อแม่ยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า เมื่อเป็นอย่างนั้น งั้นผมจะไม่รั้งคุณแล้ว!”