ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3080
ในสายตาของเย่โจงฉวน แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยความคาดหวังกับเย่เฟิง และการแต่งงานของเขาในครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือเย่เฉิน
ราชวงศ์มีเงินจริงๆ และมีฐานะจริงๆ มีหน้าตา แต่ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือสถานะก็ถือว่าเหนือกว่าคนทั่วไป
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว ราชวงศ์ก็คือย่าหม่อง ดีทุกด้าน แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งโดยรวม เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ยุโรปเหนือสิบองค์ อาจไม่สามารถเทียบกับกู้ชิวอี๋ได้
แม้ว่าสมาชิกของราชวงศ์ยุโรปจะไม่กว้างเท่าตะวันออกกลาง แต่ฝนครอบครัวอย่างน้อยก็มีเด็กสองสามคน แต่กู้ชิวอี๋เป็นลูกสาวคนเดียวที่เหมาะสม เจ้าหญิงของราชวงศ์จะเปรียบเทียบได้อย่างไร?
ถังซื่อไห่ตามเย่โจงฉวนมาหลายปีแล้ว และแน่นอนว่าเขารู้แผนของเย่โจงฉวน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เย่โจงฉวนไม่ค่อยรู้เรื่องของเย่เฉินมากนัก และไม่รู้นิสัยและพฤติกรรมของเย่เฉิน แต่ถังซื่อไห่รู้
หลายปีที่ผ่านมา เย่เฉินแทบจะเติบโตขึ้นมาภายใต้การเฝ้ามองของถังซื่อไห่
แม้ว่าถังซื่อไห่จะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเติบโตของเย่เฉิน และไม่ได้จัดการสำหรับการศึกษาของเย่เฉิน เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เฉินมาก
จากที่เขารู้จักเย่เฉินมา เขารู้ดีว่าแผนของเย่โจงฉวนที่มีต่อเย่เฉินนั้นยากที่จะเป็จริง
แต่ว่า เขาก็แอบรู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ และอดคิดไม่ได้ว่า:”ถ้าคุณชายเฉินไม่สามารถทำให้คุณท่านสมปรารถนาได้ ถ้างั้นคุณท่านจะแตกหักกับคุณชายเฉินหรือไม่? จะเอาตี้เหากรุ๊ปในมือคุณชายเฉินกลับไปหรือไม่?”
ถ้าตระกูลเย่เอาตี้เหากรุ๊ปไป และคุณชายเฉินไม่ยอมแต่งงานกับกู้ชิวอี๋ งั้นทรัพย์สินของตระกูลกู้ ก็คงจะผ่านเขาไป ตอนนั้นเขาจะทำอย่างไร?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถังซื่อไห่ก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นเขาจึงมองเย่โจงฉวน และถามอย่างลองเชิงว่า:”คุณท่าน ท่านพยายามตามหาคุณชายเฉินมา แค่ต้องการให้เขาแต่งงานกับยัยหนูตระกูลกู้งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว”เย่โจงฉวนโบกมือ และพูดอย่างลึกซึ้งว่า:”ไม่ว่ายังไงเฉินเอ๋อก็เป็นหลานชายของฉัน เป็นสายเลือดของตระกูลเย่ฉัน! ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลเย่ ฉันต้องให้เขากลับสู่ตระกูลเย่ เพื่อที่ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อฉางอิงและบรรพบุรุษของตระกูลเย่ ส่วนเขาจะแต่งงานกับยัยหนูตระกูลกูหรือไม่ สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของอนาคตของเขาเองเท่านั้น ในฐานะปู่ จุดเริ่มต้นของฉันทั้งหมด ก็คือหวังว่าเขาจะดีกว่านี้”
พูดจบ เย่โจงฉวนก็ถอนหายใจ และพูดอย่างจริงจังว่า:”ฉันหวังว่าเขาจะเข้าใจความตั้งใจที่ดีของฉัน”
ถังซื่อไห่รู้สึกประหม่าทันที เมื่อได้ยินเรื่องนี้
เขาสามารถมองออกได้ว่า สิ่งที่เย่โจงฉวนพูดเมื่อกี้ อันที่จริงมันเป็นการแสดงทั้งนั้น
แต่เขารู้สึกประหม่าก็คือ เย่โจงฉวนกลับแสดงต่อหน้าเขา
การแสดงนี้มีไว้เพื่ออะไร?
คงหวังว่าจะทำให้ตนตาบอดได้ จากนั้นจึงส่งต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับเย่เฉิน
ดังนั้น ถังซื่อไห่จึงเข้าใจทันทีว่า เย่โจงฉวนสงสัยในตัวเขาแล้ว
อย่างน้อย ในใจของเขา คงจะคิดว่าตนเข้าบ้างเย่เฉินมากกว่าเขา
ดังนั้น ถังซื่อไห่จึงทำได้เพียงฝืนพูดอย่างถอดใจ:”คุณท่านพูดถูก ผมเชื่อว่าคุณชายเฉินจะเข้าใจท่าน”
เย่โจงฉวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นโบกมือให้เขาและพูดว่า:”เอาล่ะ นายออกไปได้แล้ว ฉันจะพักสักหน่อย”
“ครับ”ถังซื่อไห่โค้งคำนับทันที และพูดว่า:”คุณท่าน ถ้าท่านมีอะไรเรียกหาผมได้ตลอดเวลา”
เย่โจงฉวนมองถังซื่อไห่ออกจากห้องไป และสีหน้าของเขาก็ค่อยๆนิ่งเฉย
เมื่อคิดถึงเย่เฉิน อันที่จริงเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
ยังไงเย่เฉินก็ได้ออกจากบ้านมาหลายปีแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างปู่กับหลาน ได้จางหายไปตั้งนานแล้ว
นอกจากนี้เขายังกังวลเย่เฉินมาโดยตลอด กังวลว่าเย่เฉินจะโกรธเขาเพราะการเสียชีวิตของพ่อแม
ดังนั้นการที่ตามเย่เฉินกลับมานั้น เป็นข้อเสียสำหรับเขา ไม่มีข้อดีเลย
เขารู้ดีอยู่ในใจว่า ตามเย่เฉินกลับมา มันเป็นไปได้ว่าที่จะพาคนเนรคุณกลับมา
แต่ว่า เหตุผลที่เขารู้เรื่องนี้แล้ว แต่ยังยืนกรานที่จะให้เย่เฉินกลับมายอมรับบรรพบุรุษ และถึงขั้นถ่อมตัวไปขอร้องเย่เฉินด้วยเหตุนี้ จริงๆ แล้วเป็นเพราะประสบการณ์ที่เขาได้รับในสิงคโปร์เมื่อสามปีก่อน