ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3105
หลังจากนั้น เขาก็กล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้จะเจรจาสงบศึกหรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถตัดสินใจได้ ผมจะรายงานประมุขของพวกเราทันที และเขาจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง!”
อีกฝ่ายกล่าวอย่างเหยียดหยาม “แม่งฉิบหาย ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ผมแค่จะมาบอกคุณว่าได้นัดหมายกับอีกฝ่ายแล้ว วันนี้เวลา 15.00 น. ผู้แทนเจรจาของฮามิดจะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่ค่ายทหาร เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าคุณจะเข้าร่วมเจรจาหรือไม่ ผมก็จะเจรจาสงบศึกกับเขา!”
หลังจากกล่าวจบ เขาเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองคืนมาจากมือของเฉินจงเหล่ย หันหลังแล้วเดินจากไป
เฉินจงเหล่ยปาดเหงื่อที่เย็นยะเยือกตรงหน้าผาก จากนั้นหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมของตนเองออกมาทันที และโทรหาว่านพั่วจวินซึ่งตอนนี้อยู่ที่เย่นจิง
ขณะนี้ว่านพั่วจวินกำลังอยู่ในบ้านเก่าของตระกูลว่าน มองดูโลงศพราคาถูกจำนวนมากมายกองอยู่ที่สนามด้วยความพอใจอย่างยิ่ง
โลงศพเหล่านี้ทำจากไม้กระดานที่ค่อนข้างบางและผุพัง
แม้ว่าโลงศพจะทาสีแดงคุณภาพต่ำ แต่สามารถมองเห็นช่องว่างบนกระดานโลงศพที่มีขนาดพอที่จะใส่เหรียญได้หนึ่งเหรียญ
นอกจากนี้ กลิ่นของสีคุณภาพต่ำนั้นยังฉุนมาก และถึงแม้จะอยู่ในสถานที่โล่ง ยังทำให้คนรู้สึกไม่สบายตาและลำคอเล็กน้อย
เมื่อเห็นโลงศพราคาถูกมากมาย ว่านพั่วจวินถามลู่เห้าเทียนด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจว่า “ลู่เห้าเทียน คุณซื้อโลงศพที่ผุพังพวกนี้มาจากไหน? ผมมีชีวิตอยู่มา 20 กว่าปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นโลงศพที่ผุพังแบบนี้มาก่อน……”
ลู่เห้าเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ประมุข โลงศพเหล่านี้หายากจริง ๆ ผมพาคนไปยังหมู่บ้านบนภูเขาที่ยากจน แล้วขอให้ช่างไม้เก่าแก่ที่นั่นช่วยทำออกมาชั่วข้ามคืน…..”
หลังจากนั้น เขาเคาะฝาโลงศพโลงหนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ว่ากันว่ายิ่งโลงศพหนายิ่งดี แต่ความหนาของแผ่นโลงศพนี้ยังหนาเท่าแผ่นเตียงนอนที่ใช้ในชนบท ช่างไม้เก่าแก่บอกผมว่า ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านบนภูเขาที่ยากจน แต่ไม่มีใครในหมู่บ้านยินยอมที่จะใช้โลงศพที่ด้อยคุณภาพเช่นนี้ พวกเขายอมขึ้นไปบนภูเขาและตัดต้นไม้เอง แล้วสะสมแผ่นไม้ที่หนาจนมากพอแล้วค่อยขอให้ช่างไม้ทำโลงศพให้อีกที ก็จะไม่ยอมนอนในโลงศพที่ผุพังเช่นนี้ ว่ากันว่าโลงศพที่ผุพังแบบนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับคนแก่ที่ไม่มีลูกหลานและยากจน ซึ่งราคาไม่กี่ร้อยต่อโลง”
“ดี ดีมาก” ว่านพั่วจวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “ก่อนวันเช็งเม้งหนึ่งวัน คุณพาคนแล้วส่งโลงศพพวกนี้ไปที่ตระกูลเย่! ถ้าตระกูลเย่ยินยอมที่จะยกภูเขาเย่หลิงซานให้ผม และยินยอมที่จะขุดโลงศพของเย่ฉางอิงและบรรพบุรุษของตระกูลเย่ทั้งหมดออกมาจากภูเขาเย่หลิงซาน เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับโลงศพของพ่อแม่ผม และคนทั้งตระกูลสวมชุดไว้ทุกข์และต้อนรับโลงศพของพ่อแม่ผมไปฝังที่ภูเขาเย่หลิงซาน ผมสามารถไว้ชีวิตพวกเขาได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม โลงศพเหล่านี้จะเป็นของขวัญที่ผมเตรียมไว้สำหรับการพบหน้าของพวกเขา!”
ลู่เห้าเทียนแอบประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ประมุข ให้ตระกูลเย่ขุดโลงศพบรรพบุรุษของตนเอง แล้วสวมชุดไว้ทุกข์ให้พ่อแม่ของคุณ ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ตระกูลเย่สามารถยอมรับได้หรือ?”
ว่านพั่วจวินกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ถ้าพวกเขายอมรับ ผมก็จะไว้ชีวิตพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับ งั้นโลงศพพวกนี้จะเตรียมไว้สำหรับพวกเขา!”
ลู่เห้าเทียนถามเขาว่า “ประมุข ถ้าตระกูลเย่ตกลงตามเงื่อนไขของคุณ คุณจะทำอย่างไรกับเย่ฉางอิง? อย่างไรเสียเขาก็ตายไปนานหลายปีแล้ว”
ว่านพั่วจวินกล่าวอย่างเย็นชา “ผมได้วางแผนชะตากรรมของเย่ฉางอิงไว้นานแล้ว หลังจากที่โลงศพของพ่อแม่ของผมย้ายไปที่ภูเขาเย่หลิงซานแล้ว ผมจะทำลายกระดูกของเย่ฉางอิงเป็นเถ้าถ่านต่อหน้าหลุมศพของพ่อแม่ผม! ให้ดวงวิญญาณของพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์ได้เห็นว่า ในที่สุดผมก็ได้แก้แค้นให้พวกท่านได้สำเร็จแล้ว!”
และขณะนี้ ทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของว่านพั่วจวินวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโทรศัพท์ดาวเทียม และกล่าวโพล่งออกมาว่า “ประมุข! สายจากพญาหมาป่าเนตรเขียว!”
ว่านพั่วจวินขมวดคิ้วและกล่าวเฉียบขาดว่า “ทางที่ดีเขาควรจะมีข่าวดีรายงานผม!