ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3216
คนของตระกูลเย่ได้ยินลู่เห้าเทียนบอกว่าเขามาที่นี่ตามคำสั่งประมุขของสำนักว่านหลง ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้น
เดิมทีคิดว่าการล่วงเกินสำนักว่านหลงเป็นปัญหาใหญ่แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าคนที่ตระกูลเย่ล่วงเกินจะเป็นประมุขของสำนักว่านหลง!
เขาคือหัวหน้าของทหารรับจ้างชั้นยอด ที่มีผู้ใต้การบังคับบัญชาหลายหมื่นคน!
การล่วงเกินเขา ไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้?
ขณะนี้ ลู่เห้าเทียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประมุขของสำนักว่านหลง ชื่อว่านพั่วจวิน! เป็นลูกชายคนเดียวของว่านเหลียนเฉิงและหม่าเยว่ฮุ่ย!”
หลังจากนั้น เขามองไปที่เย่โจงฉวนและถามว่า “ตาแก่ คุณยังจำชื่อว่านเหลียนเฉิงได้หรือไม่?!”
ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ออกมา สีหน้าของเย่โจงฉวนขาวซีดทันที!
เขารู้จักว่านเหลียนเฉิงและภรรยา!
แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่าสำนักว่านหลงที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ คนที่ก่อตั้งจะเป็นลูกชายของว่านเหลียนเฉิง!
ตอนนี้สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่ ต่างหวาดกลัวจนแทบจะเป็นลม!
เย่ฉางโคง เย่ฉางหยุน เย่ฉางหมิ่น พวกเขาพี่น้องทั้งหมดต่างรู้ว่าว่านเหลียนเฉิงฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก ส่วนภรรยาของเขานั้นฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาพิษ
ทันทีที่ได้ยินว่าประมุขที่อยู่เบื้องหลังของอีกฝ่ายคือลูกชายของว่านเหลียนเฉิง พวกเขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่!
ถึงแม้ตอนนั้นว่านเหลียนเฉิงและภรรยาจะฆ่าตัวตาย แต่มันเป็นเพราะเขาแพ้ให้กับเย่ฉางอิง และหลังจากครอบครัวล้มละลายแล้วคนจึงฆ่าตัวตาย
ดังนั้น คนตระกูลเย่จึงรู้ดีว่า ถึงแม้ว่านเหลียนเฉิงและภรรยาจะฆ่าตัวตายทั้งคู่ แต่ลูกของพวกเขานั้นไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงนี้ได้
ขณะเดียวกัน หนี้เลือดนี้จะกลายเป็นของตระกูลเย่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตามที่กล่าวว่าด้วยความแค้นเรื่องพ่อแม่จนไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน ดังนั้นเมื่อสมาชิกสายตรงของตระกูลเย่ได้ยินประโยคนี้ พวกเขาต่างรู้สึกสิ้นหวัง
เย่ฉางโคงรู้สึกหวาดกลัว แต่เพื่อตัดความสัมพันธ์ เขาอดไม่ได้ที่จะเดินออกมาและกล่าวด้วยความประหม่าว่า “พี่ชายท่านนี้ พวกเรารู้เรื่องของว่านเหลียนเฉิงแน่นอน แต่กล่าวตามตรง ตอนนั้นเย่ฉางอิงน้องรองเป็นคนที่มีความขัดแย้งกับว่านเหลียนเฉิง ซึ่งมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเรา…….”
หลังจากนั้น เย่ฉางโคงกลืนน้ำลายแล้วกล่าวอีกว่า “ถึงแม้ว่านเหลียนเฉิงและภรรยาจะเสียชีวิตก่อนวันอันควร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่หลังจากนั้นไม่นานน้องรองและน้องสะใภ้ของผมก็เสียชีวิตอย่างอนาถที่เมืองจินหลิง ดังคำกล่าวที่ว่าเพื่อจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ก็ต้องหาคนที่เป็นเจ้าของเรื่อง น้องรองเสียชีวิตไปเกือบ 20 ปีแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ประมุขของพวกคุณไม่ควรจะมาหาพวกเรา……..”
ลู่เห้าเทียนกล่าวเย้ยหยัน “ประมุขกล่าวว่า ถึงเแม้เรื่องในอดีตจะเกิดจากเย่ฉางอิง แต่เย่ฉางอิงเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ทั้งหมด ทรัพย์สินที่เขาใช้ในการทำธุรกิจก็เป็นของตระกูลเย่ ดังนั้นเรื่องนี้ตระกูลเย่ทุกคนต้องรับผิดชอบ!”
หลังจากนั้น ลู่เห้าเทียนหยุดสักครู่และกล่าวเสียงดังว่า “ตอนนี้ ถึงเวลาที่ตระกูลเย่ต้องชดใช้แล้ว!”
ในใจของเย่โจงฉวนรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก แต่เขาอดทนยืนหยัดและกล่าวว่า “ตระกูลเย่ควรจะรับผิดชอบต่อการตายของว่านเหลียนเฉิงจริง ๆ หลังจากได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเขา ลูกชายของผมฉางอิงรู้สึกเสียใจมาก โดยบอกว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นคนฆ่าว่านเหลียนเฉิง แต่ว่านเหลียนเฉิงตายเพราะเขา ไม่สามารถปักความรับผิดชอบได้……..”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เย่โจงฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนเล็กน้อย “แต่ขอให้ประมุขของพวกคุณได้โปรดเข้าใจด้วย เพราะฉางอิงลูกชายของผมนั้นเสียชีวิตไปเกือบ 20 ปีแล้ว! ถ้าประมุขยินยอมให้อภัยตระกูลเย่ ตระกูลเย่จะมอบเงินหมื่นล้านเป็นการตอบแทน!”
ถึงแม้เย่โจงฉวนรู้สึกว่าการฆ่าตัวตายของว่านเหลียนเฉิงเป็นเรื่องที่สมน้ำหน้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่สักนิด ตระกูลเย่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่เขานั้นรู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะนิ่งดูดายการตายของพ่อแม่
ว่านเหลียนเฉิงและภรรยา เหมือนกับอยู่ในบ่อนกาสิโนอย่างเป็นทางการ พวกเขาสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดและเลือกที่จะฆ่าตัวตาย
ถึงแม้พวกเขาจะเต็มใจเดิมพัน และถึงแม้อีกฝ่ายจะชนะด้วยความซื่อตรง แต่ลูกของเขาจะต้องเกลียดบ่อนกาสิโนอย่างแน่นอน
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ การใช้เหตุผลกับอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์