ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3232
เมื่อนินจาจากตระกูลนินจาทั้งสี่ตระกูลของญี่ปุ่นเริ่มรวมตัวกัน และเตรียมที่จะรีบไปเย่นจิง คนมากมายในเมืองจินหลิงก็เริ่มยุ่งและวุ่นวายเช่นกัน
ณ.โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
ซูรั่วหลีซึ่งได้รับข่าวเช่นกัน กล่าวกับเหออิงซิ่วแม่ของตนเองอย่างแน่วแน่ว่า “แม่ ฉันจะไปช่วยคุณเย่ที่เย่นจิง!”
เหออิงซิ่วรีบกล่าวว่า “รั่วหลี คุณลืมสิ่งที่คุณเย่เคยบอกคุณแล้วหรือ? ตอนนี้สถานะของคุณละเอียดอ่อนเกินไป คนญี่ปุ่นยังคงตามหาร่องรอยของคุณอยู่ กระทั่งพวกเขายังขอให้ตํารวจสากลออกหมายจับคุณ ถ้าตอนนี้คุณไปเย่นจิง คุณอาจจะถูกจับก่อนที่จะช่วยคุณเย่ได้!”
หลังจากนั้น เหออิงซิ่วกล่าวอีกว่า “รั่วหลี คุณฟังแม่น่ะ อยู่ที่นี่อย่างสงบจิตสงบใจ สำหรับฝั่งคุณเย่ แม่จะไปหาคุณปู่ที่เย่นจิงทันที แล้วพรุ่งนี้เช้าแม่กับคุณปู่และคนอื่น ๆ จะไปช่วยอาจารย์เย่ต่อสู้กับสำนักว่านหลงที่ภูเขาเย่หลิงซาน!”
ซูรั่วหลีส่ายศีรษะโดยไม่ลังเลและกล่าวว่า “ไม่! ฉันจะไปด้วย!”
หลังจากกล่าวจบ เธอกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “คราวนี้คุณเย่เจอปัญหาใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรกับฉันก็ไม่เป็นไรหรอก คุณเย่ไม่เพียงช่วยชีวิตฉัน แต่ยังให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่ฉัน กระทั่งให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่ตระกูลเหออีกด้วย ถ้าตอนนี้ฉันยังคงนึกถึงความปลอดภัยส่วนตัว งั้นฉันก็ไม่สามารถยกโทษให้ตนเองได้ตลอดชีวิต!”
เหออิงซิ่วกล่าวด้วยความลำบากใจว่า“แต่สถานการณ์เช่นนี้คุณจะไปที่เย่นจิงได้อย่างไร? ตอนนี้ระบบจดจำใบหน้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และคุณอาจถูกตรวจพบก่อนที่คุณจะขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำ!”
ซูรั่วหลีกล่าวว่า “ถ้าขึ้นเครื่องบินไม่ได้ก็ขับรถไป! พวกเราสองคนผลัดกันขับรถ คาดว่าพวกเราจะไปถึงเย่นจิงภายในสิบเอ็ดหรือสิบสองชั่วโมง ถึงที่นั่นน่าจะประมาณตีสองของวันพรุ่งนี้ เมื่อไปถึงแล้วพวกเราไปหาปู่ก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าไปภูเขาเย่หลิงซานพร้อมกับคุณปู่!”
สีหน้าของเหออิงซิ่วเต็มไปด้วยความลังเล ไม่รู้จะทำอะไรอยู่พักหนึ่ง
แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เธอกัดฟันและพยักหน้า “ตกลง! งั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ!”
หลังจากนั้น เธอรีบไปหาหน้ากากและแว่นกันแดดทันที ยื่นให้รั่วหลี และกล่าวว่า “สวมหน้ากากและแว่นกันแดดด้วย สถานะของคุณนั้นค่อนข้างพิเศษ และพวกเราไม่สะดวกที่จะแวะทานอาหารระหว่างทาง คุณไปรอฉันที่รถก่อน ฉันจะไปเตรียมของกิน อีกสิบนาทีเจอกันบนรถ! รถจอดอยู่ในโรงจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม เป็นรถเรนจ์โรเวอร์ทะเบียนเลขท้ายคือ 331”
“โอเค!”
ตั้งแต่เย่เฉินให้คนตระกูลเหอพักอาศัยอยู่คฤหาสน์ริมแม่น้ำเมืองจินหลิงแล้ว เขาให้เหออิงซิ่วอาศัยอยู่กับซูรั่วหลีในโรงแรมแชงกรีลา และให้เฉินจื๋อข่ายจัดรถให้เหออิงซิ่วหนึ่งคัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางประจำวันระหว่างสองแห่ง
ไม่นาน สองแม่ลูกก็พร้อมที่จะขับรถมุ่งหน้าไปทางเหนือ
……
และขณะเดียวกัน ซ่งหวั่นถิงและคุณท่านซ่งก็เตรียมพร้อมที่จะไปที่เย่นจิง
ตระกูลซ่งเป็นตระกูลที่ค่อนข้างอ่อนแอ และมีบอดี้การ์ดไม่มากนัก กระทั่งไม่มีนักบู๊สามดาวในตระกูลแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม คุณท่านซ่งยังคงรวบรวมบอดี้การ์ดทั้งหมดในตระกูล และรีบไปที่เย่นจิงพร้อมกับซ่งหวั่นถิงในชั่วข้ามคืน
คุณท่านซ่งรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับสำนักว่านหลงคราวนี้ ตนเองและตระกูลซ่งอาจไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณของเย่เฉิน เขาจึงตัดสินใจไปที่เย่นจิงพร้อมกับหลานสาว
ถึงแม้จะช่วยเย่เฉินไม่ได้ อย่างน้อยในช่วงเวลาวิกฤตก็สามารถยืนเคียงข้างเย่เฉิน!
สำหรับซ่งหวั่นถิงแล้ว หัวใจของเธอนั้นได้ไปไกลหลายพันไมล์ และบินไปอยู่เคียงข้างเย่เฉินแล้ว เมื่อคนที่ตนเองรักเจอวิกฤติเช่นนี้ เธอไม่สนใจความเป็นความตายของตนเองอีกต่อไป แค่อยากจะพบเขาโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าต่อไปจะอันตรายแค่ไหน เธอจะยืนหยัดเคียงข้างเขาอย่างไม่หวั่นไหว
ซูจือหยูซึ่งเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ หลังจากเธอได้ยินข่าวนี้แล้ว รู้สึกกังวลมากเช่นกัน
เธอบอกเรื่องนี้ให้กับตู้ไห่ชิงผู้เป็นแม่ และถามอย่างประหม่า “แม่ เรื่องนี้แม่มีวิธีที่จะสามารถช่วยผู้มีพระคุณไหม?! ฉันได้ตรวจสอบสถานการณ์ของสำนักว่านหลงแล้ว เกรงว่าคราวนี้ผู้มีพระคุณคงจะรอดยาก……….”
ตู้ไห่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อประมุขของสำนักว่านหลงเป็นลูกชายของว่านเหลียนเฉิง งั้นเขาคงจะเห็นแก่พ่อของคุณไม่มากก็น้อย เพราะอย่างไรเสียเมื่อก่อนว่านเหลียนเฉิงเป็นลูกน้องพ่อของคุณ ได้สนับสนุนจากพ่อของคุณมาโดยตลอด และเขาภักดีต่อพ่อของคุณมาโดยตลอด ถ้าพ่อของคุณออกมาขอร้องแทนตระกูลเย่ บางทีลูกชายของว่านเหลียนเฉิงอาจปล่อยตระกูลเย่ไป หรือให้ตระกูลเย่มีโอกาสรอด……..”