ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3267
ว่านพั่วจวินในเวลานี้ อยากจะฆ่าเย่เฉินให้ตายตรงนี้ ต่อหน้าโลงศพของพ่อแม่ตัวเอง ต่อหน้าหลุมฝังศพของพ่อแม่เย่เฉินโดยเร็ว!
เพราะว่า มีเพียงแค่แบบนี้ ถึงจะเป็นวิธีการแก้แค้นที่ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด!
มีเพียงแค่ทำแบบนี้ ถึงสามารถบอกพ่อแม่ของตัวเองได้ว่า ลูกชายของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าลูกชายของเย่ฉางอิง!
มีเพียงทำแบบนี้ ถึงสามารถทำให้พ่อแม่ที่เป็นวิญญาณบนสวรรค์เข้าใจว่า ปีนั้นพวกเขาไม่ชนะเย่ฉางอิง แต่ลูกชายของพวกเขาชนะลูกชายของเย่ฉางอิง!
นี่ก็หมายความว่า พ่อแม่ของตัวเองท้ายที่สุดแล้วก็ชนะเย่ฉางอิง!
ในขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้วิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของเย่ฉางอิงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อ20ปีก่อนเขาชนะก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไร 20ปีต่อมา ตัวเองสามารถเอาคืนกลับได้ทั้งต้นทั้งดอก!
เผชิญกับการท้าทายของว่านพั่วจวิน เย่เฉินหัวเราะเยาะออกมา ชี้ไปที่ลู่เห้าเทียน พูดอย่างราบเรียบว่า : “ให้เขาเข้ามาเถอะ ฉันกับเขาได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว เพราะว่าเมื่อวานเขาพูดว่าวันนี้จะฆ่าฉันเป็นอันดับแรก และฉันก็บอกแล้วว่า คำไหนคำนั้น!”
ว่านพั่วจวินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ทำไม?แกอยากตายในเงื้อมมือของคนอื่น?ฉันจะบอกแกให้ฟังนะ ฉันไม่มีทางให้แกสมหวัง!”
เย่เฉินพูดอย่างดูถูกว่า : “หยุดคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวได้แล้ว ฉันแค่ไม่อยากขึ้นมาแล้วรังแกแกก่อน เพราะงั้นฉันจึงเลือกจัดการคนที่รังแกได้ง่ายๆก่อน แกมองดูอยู่ข้างๆก่อนได้ รอฉันจัดการเขาเสร็จแล้ว แล้วค่อยจัดการกับแก !”
“เยสเข้!” ว่านพั่วจวินโมโหเลย!
เขาชี้ไปยังเย่เฉิน กัดฟันพูดด่าด้วยความเกลียดแค้นว่า : “เย่เฉิน แกนี่แม่งปากดีซะเหลือเกิน!หลายปีมานี้ฉันฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแล้ว!ไม่มีใครปากต่ำช้าเท่าแกเลย!”
เหล่าทหารคนอื่นๆของสำนักว่านหลงก็โมโหแทบบ้าแล้ว
พวกเขาติดตามประมุขว่านพั่วจวินมาหลายปีขนาดนี้ โลกภายนอกมีใครบ้างที่ได้ยินชื่อว่านพั่วจวินสามคำนี้แล้วไม่คุกเข่าวิงวอนขอความเมตตาบ้าง?
มีเพียงแค่เด็กน้อยคนนี้เท่านั้น จู่ๆก็ด่าประมุขของตัวเองซะเละเลย นี่แม่งน่าอัปยศอดสูเลย!
เพราะงั้น ในสำนักว่านหลงก็มีคนๆหนึ่งเดินออกมาทันที คารวะว่านพั่วจวิน พูดเสียงสูงว่า : “ประมุข!ได้โปรดอนุญาตให้ผมออกไปสู้รบ ฉีกปากเน่าๆของไอ้สารเลวนี่แทนท่านด้วย!”
ไม่รอให้ว่านพั่วจวินพูด เย่เฉินก็มองไปที่เขาพร้อมพูดด่าว่า : “แกจะถือว่าเป็นอะไรกันเชียว?ไสหัวไปอีกฝั่ง!ฉันบอกแล้ว ฉันจะต้องรักษาสัญญากับไอ้โง่นี่ก่อน!”
ระหว่างที่พูด มือของเย่เฉินก็ชี้ไปยังพญาเสือแพรขาวลู่เห้าเทียน
ลู่เห้าเทียนรู้ ไอ้โง่ที่เย่เฉินพูดมา หมายถึงตัวเอง
ในเวลานี้เขาโกรธมากจริงๆ
เขามองไปที่ว่านพั่วจวิน พูดอย่างเร่งรีบว่า : “ประมุข!ให้ผมไป ผมจะฉีกเขาเอง!”
ในเวลานี้ว่านพั่วจวินมองไปยังเย่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าท่าทางที่อึมครึม พูดกับลู่เห้าเทียนทันทีว่า : “แกฉีกปากเน่าๆของเขาได้เท่านั้น ส่วนชีวิตของเขาจะต้องเว้นไว้ให้ฉัน”
เมื่อลู่เห้าเทียนได้ยินคำพูดนี้ รีบพยักหน้าพร้อมพูดว่า : “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”
พูดแล้ว เขามองไปที่เย่เฉิน พูดกัดฟันด้วยความแค้นว่า : “เด็กน้อย!มาสิ!ดูว่าฉันจะฉีกปากแกให้ไปถึงหลังหูของแกยังไง!”
เย่เฉินมองไปที่เขาอย่างดูถูก ตามด้วยมองไปที่ว่านพั่วจวิน พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “คนแซ่ว่าน ในเมื่ออยาต่อหน้าดวงวิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของพ่อแม่แกกับฉัน งั้นเราสองฝั่งก็มาตั้งกฎกัน แกว่าเป็นไง ?”
ว่านพั่วจวินมองไปที่เขา พูดถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “แกอยากจะตั้งกฎอะไร?”
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “กฎก็ง่ายมาก อีกเดี๋ยวฉันสู้กับไอ้โง่นี่ ไม่ว่าฉันจะจัดการเขาจนเป็นแบบไหน แกและคนของแกก็ห้ามเข้ามาช่วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ห้ามหนีด้วย! ”
ว่านพั่วจวินพูดอย่างยิ้มเยาะว่า : “เย่เฉินนะเย่เฉิน แกนี่น่าสนใจจริงๆ!เห้าเทียนเป็นหนึ่งในราชันสงครามที่อยู่ภายใต้การปกครองของฉัน พละกำลังระดับนักบู๊หกดาว อาศัยความสามารถของแกแล้ว ยังคิดที่จะชนะเขาอีก ?”
เมื่อเย่เฉินได้ฟังแล้ว เพียงแค่ยิ้มอย่างราบเรียบ พูดว่า : “ราชันสงคราม นักบู๊หกดาว ฟังดูแล้วทำให้คนรู้สึกกลัวเลยนะ”
พูดแล้ว เย่เฉินก็ยิ้มอย่างเล่นหูเล่นตาพร้อมถามว่า : “แต่ฉันได้ยินมาว่า คนที่ชื่อเฉินจงเหล่ยคนนั้นที่เก่งที่สุด ในราชันสงครามที่อยู่ในการปกครองของแก ครั้งนี้แกมาหัวเซี่ย ทำไมถึงไม่พาเขามาด้วยกันละ?”