ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3310 ใครกล้าไม่มา ก็รับผลที่ตามมาเองแล้วกัน
คนตระกูลเย่เหล่านี้ที่คุกเข่าอยู่ คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะถึงกับจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้จริงๆ
ล้วนเป็นคนตระกูลเดียวกัน ล้วนเป็นลูกหลานแท้ๆ ของตระกูลเย่ เขาถึงกับจะขังคนไว้ในภูเขาเย่หลิงซาน บังคับให้ทุกคนไว้ทุกข์ให้บรรพบุรุษเป็นเวลาสามปี!
สำหรับคนมีเงินที่เสพสุขกับการกินดีอยู่ดีมีชีวิตที่สุขสบายจนเคยชินเหล่านี้แล้ว ต่อให้เป็นเวลาสามวันก็รับไม่ไหวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามปีที่นานขนาดนี้!
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงรีบมองไปทางเย่โจงฉวน มองเขาตาปริบๆ รอเขามาพูดประโยคดีๆ ให้กับทุกคน
เย่โจงฉวนมองคนเหล่านี้ด้วยแววตาสงสารสุดจะบรรยาย ในใจมากน้อยอย่างไรก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง
เขาสนับสนุนให้เย่เฉินลงโทษลูกหลานที่เหลาะแหละกลุ่มนี้ให้มากสักหน่อยก็จริงอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าพออยู่ในเย่เฉินจะเล่นอย่างโหดร้ายขนาดนี้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกล่าวต่อเย่เฉินอดรนทนไม่ไหว “เฉินเอ๋อ ให้พวกเขาไว้ทุกข์ให้กับสุสานบรรพบุรุษ เป็นการลงโทษที่ดีมากจริงๆ แต่ใช้เวลาสามปี มันไม่นานไปหน่อยเหรอ?”
“นานเหรอ?” เย่เฉินกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “คุณอย่าลืมสิ ที่พวกเขาแต่ละคนหมายปองคืออะไร! พวกเขาไม่บอกคุณก็แอบซื้อชุดไว้ทุกข์มาเสร็จสรรพ ชัดเจนว่าคิดจะรอจนถึงวันนี้ตอนที่คุณกับว่านพั่วจวินเผชิญหน้ากันค่อยย้ายข้างชั่วคราว นี่คือเจตนาอะไร? นี่คือต้องการจะให้คุณถึงที่ตาย หลังมองดูคุณตายไปแล้ว ค่อยเหยียบศพคุณไปเข้ากับศัตรู! คนแบบนี้คุณรู้สึกว่าลงโทษให้ไว้ทุกข์สามปีมันนานเกินไปเหรอ?”
สีหน้าท่าทางของเย่โจงฉวนพลันเย็นวาบ
เหตุผลนี้เขาเองก็คิดได้เช่นกัน
เพียงแต่เขาพยายามจะไม่ไปคิดถึงมัน
แต่หากจะขุดรากก็ต้องขุดให้ถึงที่สุด อันที่จริงก็เป็นอย่างที่เย่เฉินพูดจริงๆ
เวลานี้เย่ฉางโคงร้องห่มร้องไห้พูดว่า “คุณพ่อ! พวกเราไม่มีความคิดแบบนี้จริงๆ คุณพ่ออย่าได้เข้าใจผิดเชียวนะ!”
คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยปากขอร้องเช่นกัน หวังให้คุณท่านไม่ถูกคำพูดของเย่เฉินชักจูง
เย่โจงฉวนกลับถอนหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะโบกมือไปมา แล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันแก่แล้ว จิตใจเองก็อ่อนแอไปด้วย ใจชักจะอ่อนเหมือนผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว……ช่างเถอะ ขอไม่ยุ่งแล้วกัน!”
กล่าวจบ เขาก็เอ่ยขึ้นกับเย่เฉินว่า “เฉินเอ๋อ สามปีก็ดี ห้าปีก็ช่าง ทั้งหมดให้เธอตัดสินใจคนเดียวก็แล้วกัน!”
เย่เฉินพยักหน้า กล่าวเรียบๆ ว่า “ที่ยอมรับ ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว หากพูดอีกแม้แต่คำเดียว ก็เท่ากับไม่ยอมรับ และมีแผนสองสำหรับคนที่ไม่ยอมรับ ก็คือเหมือนกับเย่เฟิง ไปมาดากัสการ์!”
พอประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างหุบปากฉับทันที
ในเวลาเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าแตะต่อมพิษของเย่เฉิน
เพราะว่าเย่เฉินไม่เพียงเป็นผู้นำตระกูลเย่ ยังเป็นประมุขคนใหม่ของสำนักว่านหลงด้วย ด้วยอิทธิพลทั้งหมดที่วางอยู่ที่นี่ของเขา ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าทรยศเขา
เห็นคนกลุ่มนี้ทำตัวว่าง่ายราวกับนกกระทา เย่เฉินก็พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางเอ่ยปากกล่าวว่า “ในเมื่อพวกคุณไม่มีความเห็น เวลาสามปีก็เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปแล้วกัน!”
สำหรับเย่เฉินแล้ว คนตระกูลเย่กลุ่มนี้ที่คุกเข่าอยู่ ไม่มีค่าใดๆ ต่อตระกูลเย่
คนกลุ่มนี้ไม่มีความสามารถอะไร และไม่มีคุณงามความดีอะไร ก็เหมือนลูกคนรวยที่ดีแต่ล้างผลาญในตระกูลมหาเศรษฐี ทำอะไรก็ไม่ทำ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอกิน ไม่มีความสามารถอะไรยังจะทำตัวโอ้อวดอยู่ข้างนอกจนดึกดื่นทุกวัน
เมื่อก่อนคุณท่านรักลูกอย่างลึกซึ้ง ต่อให้รู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความสามารถ ก็รู้สึกว่าพวกเขาเป็นสายเลือดของตัวเอง ถึงจะต้องตามใจแต่เด็ก ดูแลอย่างดีก็ตาม
แต่ในมุมมองของเย่เฉิน คนกลุ่มนี้ก็คือมอดแมลงของตระกูลเย่
อีกทั้งยังเป็นมอดแมลงที่ไร้ความเข้มแข็งกลุ่มหนึ่ง
หลังเย่เฉินรับช่วงต่อตระกูลเย่ สิ่งแรกที่ต้องทำ ก็คือคิดหาวิธีปลดตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคนออกมาจากคนกลุ่มนี้ หลีกเลี่ยงพวกเขาไม่ให้ทำตัวหวงตำแหน่ง ปะปนกับคนมีความสามารถ
แต่ว่าคนกลุ่มนี้อย่างไรก็เป็นสายเลือดของตระกูลเย่ ต่างเป็นลูกหลานสายตรง หากพวกเขาไม่ทำความผิดใหญ่โตอะไร การคิดจะปลดพวกเขาลงมายังคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
หากฝืนปลด เกรงว่าจะก่อให้เกิดการกีดกันจากคนตระกูลเย่ทั้งหมด เท่ากับสัมผัสทั้งห้าของโลกภายนอกก็จะขาดหายไปด้วยเช่นกัน
แต่ดีไม่ว่าดี คนกลุ่มนี้ถึงกับเป็นฝ่ายส่งโอกาสลงโทษอันดีงามมาให้เย่เฉินด้วยตัวเอง