ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3313 กล่าวปฏิญาณ
เมื่อได้ยินคำสั่งของเย่เฉิน ว่านพั่วจวินก็กล่าวเสียงดังขึ้นทันทีว่า “คุณเย่วางใจ ผมจะจัดการให้ทันที!”
เย่เฉินพยักหน้า ก่อนจะยิ้มเย็นกล่าวว่า “พวกเขาคิดว่าตระกูลเย่จบสิ้นแล้ว โดยต้องการแยกตัวจากตระกูลเย่ อย่างนั้นหากเป็นตระกูลเย่บอกให้พวกเขามา พวกเขาต้องไม่มาแน่ แต่ถ้าเป็นสำนักว่านหลงขอให้พวกเขามา ฉันเชื่อว่าพวกเขาต้องไม่กล้าบุ่มบ่ามแน่นอน”
ถังซื่อไห่รีบถามว่า “คุณชาย หลังจากที่พวกเขามาแล้วล่ะ? ตามที่คุณพูดมา ให้พวกเขาขึ้นมาคุกเข่าสารภาพผิดที่ภูเขาเย่หลิงซานหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ อย่างนี้” เย่เฉินโบกมือ แล้วเอ่ยปากกล่าวว่า “วันนี้ตอนค่ำหน่อย ภายนอกจะได้รับข่าว โดยคิดว่าตระกูลเย่พ่ายแพ้แล้ว ได้รับข้อเรียกร้องมากเกินไปจากสำนักว่านหลง ดังนั้นพอถึงเวลา สำนักว่านหลงจะขอให้พวกเขาแต่ละคนมอบทรัพย์สินออกมาครึ่งหนึ่ง ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่มีใครไม่กล้าไม่ให้!”
เย่โจงฉวนขนคิ้วกระตุกวาบ อุทานขึ้นมาอย่างตกใจว่า “เฉินเอ๋อ เธอ……นี่เธอจะดื่มเลือดของพวกเขา กินเนื้อของพวกเขาหรือ……”
เย่เฉินกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “หากผมต้องการดื่มเลือดของพวกเขา กินเนื้อของพวกเขา ต้องไม่ใช่ผมออกหน้า แต่เป็นสำนักว่านหลงออกหน้า!”
พูดจบ เย่เฉินก็กล่าวอีกว่า “รอหลังสำนักว่านหลงได้ทรัพย์สินของพวกเขามาแล้ว ก็ผ่านช่องทางบริษัทการค้านอกประเทศ นำเงินก้อนนี้สับเปลี่ยนอีกมือหนึ่งค่อยมอบให้ตระกูลเย่อีกที พอดีกับที่ระยะนี้ผมจะทำบริษัทขนส่งพอดี แค่เงินนิดหน่อยจากพวกเขา ยังสามารถซื้อเรือสินค้าได้กว่าสิบลำ คนกลุ่มนี้ยิ่งไม่พูด หยิบสองสามล้านออกมาน่าจะยังคงไม่มีปัญหา”
เย่เฉินไว้ชีวิตว่านพั่วจวิน แล้วรับสำนักว่านหลงเข้ามาอยู่ภายใต้คำสั่งของเขา ก็เพื่อให้สำนักว่านหลงมาทำงานสกปรกเหล่านี้แทนตน
ไม่อาจไม่ยอมรับ อิทธิพลของสำนักว่านหลงยังคงแข็งแกร่งมาก
ไม่พูดถึงอย่างอื่น เมื่อวานว่านพั่วจวินให้ลู่เห้าเทียนเอ่ยข้อเรียกร้องมากขนาดนั้นออกมา รวมทั้งทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ทั้งเย่หลิงซานล้วนต้องประคองสองมือมอบให้ แถมยังต้องสวมชุดไว้ทุกข์ คุกเข่าต้อนรับ
แต่พวกหนูไร้ความสามารถที่ขี้ขลาดไม่น่าไว้ใจอย่างเย่ฉางโคง เย่ฉางหยุนกลุ่มนี้ แต่ละคนยังคงรีบรุดมาต้องการตอบรับไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้ ให้สำนักว่านหลงเอ่ยความต้องการเดียวกันออกมากับสายรองตระกูลเย่คนอื่นๆ พวกเขาเองก็คงจะไม่กล้าไม่ทำตามเช่นกัน
เย่โจงฉวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ แต่เขาก็คิดตกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวว่า “ได้! เธอก็ลงมือทำให้เต็มที่เลยแล้วกัน! พวกเนรคุณหลงลืมบุญคุณเหล่านี้ ส่วนใหญ่พึ่งพาการสนับสนุนของตระกูลเย่ถึงมีอย่างวันนี้ แต่พอตระกูลเย่มีปัญหา พวกเขาแต่ละคนต่างวิ่งหนีกันเร็วขนาดนี้ ให้พวกเขาชดใช้ออกมาบ้างก็สมควร!”
เย่โจงจั่วที่อยู่ด้านข้างสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ……ลูกชายกับหลานชายของฉัน ฉันเป็นคนเคี่ยวเข็ญให้พวกเขาไปเอง ฉันแก่แล้ว หากต้องตายก็ขอตายอยู่ข้างกายพี่ใหญ่กับบรรพบุรุษ แต่พวกเขายังอายุน้อย ฉันทำใจปล่อยให้พวกเขาลงมาเสี่ยงอันตรายไม่ได้จริงๆ ดังนั้นหวังว่าเธอจะเห็นแก่ที่ฉันไม่ได้หนีไป เมตตาปรานีพวกเขาด้วย”
เย่เฉินพยักหน้า พร้อมกับกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “คุณปู่รองสามารถรั้งอยู่ได้ ช่างทำให้คนประทับใจจริงๆ หวังว่าจะเป็นอย่างเช่นคุณปู่ว่า ทางฝั่งบ้านคุณ ผมก็ไม่มีอะไรให้ไต่ถามแล้ว”
กล่าวจบ เย่เฉินก็พูดด้วยสีหน้าท่าทางเมินเฉยว่า “แต่นอกจากบ้านคุณปู่รองแล้ว คนอื่นๆ ไม่ว่าใครก็ตามไม่อาจละเว้นได้!”
เย่โจงจั่วโล่งอกได้ในที่สุด ทางหนึ่งป้ายน้ำตา ทางหนึ่งกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ ขอบคุณเธอมากจริงๆ……”
เย่เฉินโบกมือ ก่อนจะพูดกับว่านพั่วจวินอีกว่า “พั่วจวิน คืนนี้ฉันจะไปยุโรปเหนือ พรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้าคงยังไม่รีบกลับมาแน่นอน ถึงเวลานายก็อยู่จัดแสดงเดี่ยวให้พวกเขาดูที่เชิงเขาเย่หลิงซานสักหน่อย ให้พวกเขาแต่ละคนนำทรัพย์สินครึ่งหนึ่งมอบให้สำนักว่านหลงด้วยความสมัครใจก่อน เงินเมื่อให้แล้วก็ไม่อาจปล่อยพวกเขาไปได้เช่นกัน ให้พวกเขาคุกเข่าต่อ คุกเข่าจนกว่าฉันจะกลับมา!”
ว่านพั่วจวินประสานมือกล่าวว่า “คุณเย่วางใจ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน!”
กล่าวจบ เขาก็รีบร้อนถามอีกว่า “คุณเย่ครับ สถานการณ์ทางยุโรปอเมริกาผมเข้าใจดีมาก คุณไปยุโรปเหนือหนนี้ จะให้ผมติดตามไปด้วยไหมครับ?”
เย่เฉินโบกมือ “ไม่ต้องหรอก นายยังต้องฝังศพให้พ่อกับแม่ พรุ่งนี้ให้ญาติกลุ่มนั้นของตระกูลเย่คุกเข่าดีๆ แล้ว นายก็ไปจัดการเรื่องฝังศพพ่อกับแม่เถอะ”
ว่านพั่วจวินพูดอย่างนอบน้อม “ผมน้อมรับคำสั่ง!”