ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3399 สำนึกผิดกับบรรพบุรุษ
ตอนที่เย่เฉินจัดการข้อตกลงการผ่อนชำระทั้งหมดสาขาตระกูลย่อยของตระกูลเย่เรียบร้อย ตระกูลของวิลเลียม รอธส์ไชลด์ก็ยกเอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา และจ่ายเงินสดส่วนที่เหลือให้หมด
เพียงแค่เวลางานไหว้บรรพบุรุษ เย่เฉินก็มีเงินสดเพิ่มขึ้นมาห้าพันล้านยูโร เงินสดสองแสนล้านหยวน และเงินทุนเกินสามแสนล้านหยวน หนี้สินดอกเบี้ยห้าปีเกินสองแสนล้าน
ในที่สุดเย่เฉินก็เข้าใจสักทีว่า ทำไมจักรพรรดิหลายคนในประวัติศาสตร์ชอบหาประโยชน์จากข้าราชบริพารทุกทาง ถึงขนาดค้นบ้านยึดทรัพย์สินตัดศีรษะข้าราชบริพารทุกทางอยู่บ่อยครั้ง ประเด็นหลักก็เป็นเพราะว่าข้าราชบริพารแต่ละคนก็โอนย้ายคลังสมบัติ มั่งมีเป็นอย่างมาก
ถ้าหากพวกเขาจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็พูดได้ง่าย แต่ถ้าหากพวกเขาแม้แต่พื้นฐานของความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ก็ไม่มี ถ้าอย่างนั้นไม่ค้นบ้านของพวกเขายังรออะไร?
ถ้าหากตอนนี้ไม่ค้นบ้านของพวกเขา ลดอำนาจของพวกเขา ไม่แน่บางทีพวกเขาก็อาจจะคิดอุบายต่อราชาบัลลังก์ในสักวันหนึ่ง
ว่านพั่วจวินเล่นละครกับเย่เฉินมาครึ่งวัน ตอนนี้เห็นว่าเรื่องราวสิ้นสุดลงแล้ว ก็มาตรงหน้าของเย่เฉิน และกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า: “คุณเย่ คุณเตรียมที่จะบอกความจริงกับพวกเขาเมื่อไหร่?”
เย่เฉินกล่าวอย่างสบายๆ: “ไม่รีบร้อน ตอนนี้เรื่องราวยังไม่จบ เดี๋ยวนายให้พวกเขาทุกคนเริ่มจากที่เชิงภูเขาเย่หลิงซาน สามก้าวก้มกราบคำนับหนึ่งครั้งแล้วปีนขึ้นภูเขาเย่หลิงซานให้ฉัน ฉันจะรอพวกเขาอยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซาน”
ว่านพั่วจวินรีบพูดว่า: “คุณเย่ สามก้าวก้มกราบคำนับหนึ่งครั้งปีนเขาจากที่นี่ไป คาดการณ์ว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งวัน เกรงว่ารอพวกเขาปีนขึ้นไปท้องฟ้าก็มืดแล้ว ไม่งั้นคุณกลับไปพักผ่อนก่อน รอพวกเขาเสร็จแล้วผมค่อยไปรับคุณมา”
เย่เฉินส่ายหน้า และพูดอย่างเฉยเมย: “ไม่จำเป็นต้อง ฉันก็จะรอพวกเขาที่บนเขา ช่วงเวลาที่พวกเขาปีนขึ้นไป ฉันก็จะได้อยู่กับพ่อแม่ของฉันพอดี รอหลังจากที่พวกเขาปีนขึ้นไป ฉันค่อยเปิดเผยปริศนา”
จากนั้น เย่เฉินก็พูดว่า: “พั่วจวิน นายก็ไม่ต้องอยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซานแล้ว ไปหาสุสานดีๆให้พ่อแม่นาย ให้ทั้งสองท่านฝั่งลงพื้นดินโดยเร็วที่สุด เหลือกำลังคนทิ้งไว้ที่นี่บ้างก็พอแล้ว”
เมื่อคืนนี้ว่านพั่วจวินคุกเข่าคำนับอยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซานทั้งคืน แม้ว่าจะยินยอมด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ แต่เพราะว่าโลงศพของพ่อแม่ก็อยู่บนภูเขาเย่หลิงซาน ดังนั้นในใจของเขาก็รู้สึกผิดต่อพ่อแม่เป็นอย่างมาก
เดิมทีก็อยากจะให้พ่อแม่ฝั่งลงพื้นดินโดยเร็วที่สุด แต่เย่เฉินไม่ได้ออกคำสั่ง เขาก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
ตอนนี้เย่เฉินเป็นคนพูดออกมา ในใจของเขาก็ย่อมซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เขาพูดด้วยซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก: “ขอบคุณครับคุณเย่ งั้นผมก็ลงไปจัดการเรื่องงานศพของพ่อแม่ก่อน ต้องการอะไร คุณสั่งการพลทหารของสำนักว่านหลงได้ตลอดเวลา หรือว่าโทรศัพท์หาผม ผมจะเร่งรีบมาให้เร็วที่สุดครับ!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่จำเป็นต้อง นายรีบไปทำธุระของนายเถอะ ครั้งนี้นายเอาโล่งศพของพ่อแม่นายออกมา รบกวนความเงียบสงบของผู้อาวุโสทั้งสอง สะเพร่าเกินไปจริงๆ ฝั่งลงพื้นดินใหม่ ยังต้องจัดการดีๆ ก็ถือว่าเป็นการชดเชย”
ว่านพั่วจวินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เขาทำไมจะไม่รู้ว่าตัวเองสะเพร่ากับอกตัญญู ในใจก็เสียใจมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งนานแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อยากจะชดเชยอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เฉิน ในใจก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และรีบพูดว่า: “คุณเย่คุณพูดถูก ผมจะต้องจัดการให้ดีครับ”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และเอ่ยปากพูดว่า: “เรื่องทางนี้นายก็ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวบอกกล่าวกับพวกคนตระกูลเย่สักหน่อย ก็บอกว่าเรื่องของภูเขาเย่หลิงซาน ทุกอย่างก็มีฉันมาตัดสิน ต่อจากนั้นนายก็สามารถกลับไปก่อนได้”
ว่านพั่วจวินรีบพูดว่า: “ผมจะทำตามเดี๋ยวนี้!”