ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3445
หวังตงเสวี่ยนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ: “คุณชายคะ จะลงทุนครั้งเดียวสองแสนล้านเลยเหรอคะ? ราคานี้มันเยอะเกินไปหรือเปล่า…”
เย่เฉินอมยิ้ม เอ่ยว่า: “ในเมื่อต้องการไขว่คว้าโอกาสเอาไว้ก่อน ถ้างั้นเมื่อเงินทุนยิ่งเยอะก็จะยิ่งดีอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงกินเนื้อไม่ได้หรอกนะ อย่างมากสุดก็คงได้ซดซุปสองคำ”
สิ้นเสียง เย่เฉินเอ่ยขึ้นอีก: “ในอนาคต ฉันเตรียมที่จะค่อยๆ สร้างจินหลิงให้กลายเป็นเมืองอายุยืน นอกจากการประมูลยาอายุวัฒนะแล้ว ฉันยังวางแผนว่าจะสร้างชุมชนอายุยืนรวมทั้งกิจการบริการระดับไฮเอนด์อีกหลายแห่ง เกณฑ์มาตรฐานของชุมชนอายุยืนจะต้องกำหนดไว้สูงไร้ขีดจำกัด สูงจนเจ้าของกิจการทุกคนจะต้องมีชื่อเสียงเรียงนามเป็นเศรษฐีที่ขึ้นจัดลำดับในฟอบส์ถึงจะได้เท่านั้น ถึงตอนนั้นตราบใดที่พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตชุมชนในเมืองฉัน ฉันก็สามารถมอบยาอายุวัฒนะตามสัดส่วนที่จำกัดกับพวกเขาเป็นล็อตๆ ได้ สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ยาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดละลายในน้ำถังใหญ่ แล้วแบ่งให้พวกเขากินคนละหนึ่งแก้ว ก็เพียงพอแล้วที่จะให้พวกเขาแห่กันชิงสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกทำนองคลองธรรม”
หวังตงเสวี่ยนเข้าใจความหมายของเย่เฉินทันที รีบเอ่ยขึ้นว่า: “คุณชาย ฉันมีแผนที่โดยละเอียดของที่ดินรอพัฒนาของจินหลิงทั้งหมดอยู่ คุณจะดูสักหน่อยไหมคะ ดูว่าที่ดินผืนไหนคุณสนใจเป็นพิเศษ”
“ดี!”
หวังตงเสวี่ยนเปิดจออัจฉริยะโต้ตอบภายในห้องทำงานทันที จากนั้นก็เปิดแผนที่จินหลิงสุดพิเศษขึ้นมา ในแผนที่นี้ เขตเมืองจินหลิงเต็มไปด้วยขนาดใหญ่และเล็กไม่เท่ากัน รวมทั้งพื้นที่สีเขียวที่ขนาดไม่สม่ำเสมอกันด้วย
หวังตงเสวี่ยนชี้ไปยังพื้นที่สีเขียวบนแผนที่ เอ่ยกับเย่เฉินว่า: “คุณชาย พื้นที่สีเขียวทั้งหมดบนแผนที่ ล้วนเป็นที่ดินรอการพัฒนาและใช้สำหรับการค้าขายได้ เมื่อเทียบกับในเมืองแล้วค่อนข้างน้อย ขอบเขตก็เล็กเหมือนกัน แต่ว่าเริ่มจากเขตพัฒนาใหม่ไปจนถึงเขตชานเมือง การอุปทานที่ดินดีขึ้นเยอะอย่างเห็นได้ชัด”
เย่เฉินพยักหน้า ชี้ไปยังพื้นที่ในเขตเมืองเหล่านั้น เอ่ยว่า: “ถ้าเป็นที่ดินใจกลางเมือง ที่ดินที่สามารถซื้อมาได้ก็พยายามซื้อมาให้ฉันทั้งหมด อีกทั้งจะต้องให้ระวังด้วยว่า พยายามใช้การเลเวอเรจธนาคาร ทำให้เงินทุนในมือของเธอมีมูลค่าสูงที่สุด ฉันและตระกูลเย่จะออกทุนเป็นเงินสดให้เธอทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านหยวน เธอจะต้องพยายามทำเลเวอเรจให้ได้อย่างน้อยสามเท่า กู้เงินสดจากธนาคารมาสี่แสนห้าหมื่นหยวน”
หวังตงเสวี่ยนเอ่ยด้วยความตกใจเล็กน้อย: “คุณชาย ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นหนี้ลบของพวกเราก็จะเกินสามแสนห้าหมื่นล้านแล้ว ถ้ารวมกับเงินกู้ธนาคารที่แต่ก่อนกู้มาใช้กับการพัฒนาโปรเจกต์ของตี้เหากรุ๊ป ถ้างั้นก็เกินสี่แสนล้านแล้ว…ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเลย อีกอย่างก็มีนโยบายสั่งการออกมาแล้วว่าห้ามเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ พวกเรายังก่อหนี้ตั้งเยอะแบบนี้ภายใต้สถานการณ์นี้ มันอันตรายไปหรือเปล่าคะ?”
เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ข้อหนึ่ง ตอนนี้พวกเราจะไม่ทำการพัฒนาอาคารบ้านเรือนมาตรฐานธรรมดาแล้ว ถ้าจะทำก็ต้องทำคฤหาสน์หรูกำไรพุ่งสูงเท่านั้น ดังนั้นพวกเราจะไม่มีทางฉวยโอกาสขึ้นราคาห้องคอนโดธรรมดาในจินหลิง และจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการตลาดบ้านเรือนธรรมดาในจินหลิง”
“ข้อสอง ฉันให้เธอซื้อพื้นที่ใจกลางเมืองเหล่านี้มา ในอนาคตเราจะใช้มันทำธุรกิจประกอบการสุดหรูโดยเฉพาะ ซึ่งโรงแรมตี้เหาที่เรากำลังสร้างอยู่ในขณะนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อถึงเวลาก็จะสร้างคลับเฮาส์หรูที่สุดขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งจะหรูกว่าคลับเฮาส์ฮุยหวงของตระกูลซ่งหลายระดับ ชนิดที่ว่าเข้าไปใช้บริการหนึ่งครั้งถ้าไม่ใช้จ่ายแปดล้านสิบล้านก็ออกมาไม่ได้แบบนั้นเลย”
“นอกจากนี้ ยังจะสร้างห้างสรรพสินค้าสุดหรูขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นชาเนล แอร์แม็ส หลุยส์วิตตองหรือแม้แต่ลัมโบร์กีนี เฟอร์รารี่ แบรนด์ชั้นนำเหล่านั้น ก็จะนำเข้ามาทั้งหมด ถ้าฉันดึงดูดเศรษฐีเหล่านั้นมาที่จินหลิงได้ ก็จะต้องให้พวกเขาเจอกับสถานที่ที่สามารถผลาญเงินเหมือนผลาญดิน จ่ายเงินก้อนใหญ่ในจินหลิงได้สิ”
“ข้อสาม ข้อสุดท้าย ขอเพียงดึงดูดคนมีเงินเหล่านั้นมาได้แล้ว โปรเจกต์ของเราก็ไม่มีทางขาดทุน ถึงขั้นว่าได้เงินเป็นกอบเป็นกำแทน!”
เอ่ยถึงตรงนี้ เย่เฉินจึงเอ่ยต่อด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม: “สิ่งที่เราต้องทำ ก็คือโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในโลก อีกทั้งเราไม่เอาเปรียบคนจน ไม่เอาเปรียบคนรวยธรรมดา แต่จะเอาเปรียบคนส่วนน้อยที่มีเงินมากที่สุดในโลกเหล่านั้น! ให้พวกเขายอมซื้ออสังหาในจินหลิงด้วยราคาที่สูงกว่าสิบเท่าหรือแม้แต่ร้อยเท่าจากใจ ยอมเป็นคนโง่อย่างเต็มใจ!”