ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3529
ในตอนนี้เอง ประตูห้องข้างๆก็ถูกเปิดออกมาโดยผู้ชายกล้ามใหญ่ปลือยท่อนบนสบถด่าอย่างโมโหว่า “นายอยากตายหรือไง? มาเคาะประตูอะไรตั้งแต่เช้า? เดี๋ยวตีหัวแตกเลย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายไว้เคราใส่กางเกงยีนคลาสสิค สมิธก็รีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษครับๆ ผมจะเบาๆ….”
ผู้ชายกล้ามใหญ่กัดฟัน “เบาๆงั้นเหรอ? ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้านายกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ฉันเตะตูดนายแน่!”
สมิธรีบเงียบปาก ยกมืออย่างนอบน้อม ด้วยสีหน้าท่าทางหวั่นกลัว
อีกฝ่ายยอมปล่อยเขาไป แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง
สมิธทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าห้องเว่ยเลี่ยง พึมพำในใจว่า “เคาะประตูไม่ได้ งั้นนั่งรอเว่ยเลี่ยงอยู่ตรงนี้ก็ได้ใช่ไหม? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเว่ยเลี่ยงจะหลบฉันได้ตลอด จะไม่ออกมาทานข้าวเช้าเลยหรือไง? นี่มันชั้นยี่สิบสองเลยนะ เขาคงไม่ปีนหน้าต่างลงไปหรอกใช่ไหม……”
เมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่ สมิธก็นั่งรออยู่หน้าห้องเว่ยเลี่ยง ต่อให้ท้องจะร้องโครกครากเขาก็ไม่กล้าลุกไปไหน
ขณะเดียวกัน เขาก็เอาแต่โทรหาเว่ยเลี่ยงซ้ำๆ แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะโทรไปตอนไหนอีกฝ่ายก็ปิดเครื่องอยู่ตลอด
ในระหว่างนี้เขาก็ไหว้วานให้พนักงานโรงแรมลองโทรเข้าโทรศัพท์ในห้องของเว่ยเลี่ยงช่วยอีกแรง ทว่าคำตอบที่ได้รับคือยังไม่มีคนรับเหมือนเดิม
สมิธรอจนถึงตอนเที่ยง ในตอนนี้เอง เครื่องบินที่เว่ยเลี่ยงโดยสารก็ลงจอดที่สนามบินเมืองจินหลิงในช่วงค่ำ
ทั้งสองประเทศเวลาต่างกัน12ชั่วโมง ดังนั้นทางเมืองจินหลิงในขณะนี้จึงเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี
หลังจากเครื่องลงจอด เว่ยเลี่ยงก็เปิดโทรศัพท์ ตอนแรกเขาว่าจะส่งข้อความหาเย่เฉิน แต่เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่ามันดึกแล้ว จึงไม่อยากรบกวน
เครื่องบินยังไม่ทันจอดสนิทดี จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ส่งเสียงขึ้นมา เป็นสายที่โทรเข้ามาจากสมิธ
สมิธในตอนนี้ นั่งรออยู่หน้าห้องเว่ยเลี่ยงมาสี่ชั่วโมงแล้ว โทรไปแทบจะร้อยสาย แต่กลับไม่รู้เลยว่า เว่ยเลี่ยงกลับไปที่หัวเซี่ยที่อยู่ไกลหลายหมื่นกิโลเสียแล้ว
เว่ยเลี่ยงกดรับสาย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณสมิธ ทำไมถึงชอบโทรมาหาผมนักล่ะครับ?”
สมิธลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น เอ่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณเว่ย ผมขอโทษครับ!ผมขอโทษสำหรับทุกคำพูดทุกการกระทำของผมก่อนหน้านี้ ตอนนี้ผมอยู่หน้าห้องคุณแล้ว คุณมาเปิดประตูให้ผมขอโทษคุณต่อหน้าได้ไหมครับ”
ตอนนี้ สมิธพร้อมแล้ว ทันทีที่เว่ยเลี่ยงเปิดประตูออกมา เขาก็จะคุกเข่าให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
เว่ยเลี่ยงเอ่ยถามอย่างงุนงง “หน้าห้องอะไร?”
สมิธตอบกลับว่า “ก็หน้าห้องคุณไง โรงแรมฮิลตันห้อง2208 ผมอยู่หน้าประตูแล้ว รอคุณมาทั้งเช้าเลย คุณเว่ย ขอร้องล่ะเปิดประตูให้ผมได้ขอโทษคุณต่อหน้าเถอนะ!”
เว่ยเลี่ยงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “แต่ว่าผมไม่ได้อยู่ที่โรงแรมฮิลตันแล้วไง ผมกลับหัวเซี่ยแล้วล่ะครับ”
“อะไรนะ?!” สมิธอึ้ง เอ่ยพูดขึ้นว่า”คุณเว่ยกำลังล้อผมเล่นหรือเปล่า? คุณเพิ่งมาอเมริกาไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับหัวเซี่ยซะแล้วล่ะ?”
เว่ยเลี่ยงหัวเราะหึออกมา “ตอนแรกผมก็ว่าจะไปทำธุระที่อเมริกาจริงๆนั่นแหละครับ ประเด็นว่าจะไปหาคุณสมิธให้ช่วยแก้ปัญหาการวางขายยาเกิดใหม่เก้าเสวียนในตลาดอเมริกา แต่คุณก็รู้ คุณเป็นคนปฏิเสธผมเอง แล้วผมจะอยู่อเมริกาต่อไปทำไม? ผมก็ทำได้แค่กลับมารายงานกับเจ้านายผมเท่านั้นแหละ”
“ไม่ใช่…..” สมิธคิดว่าเว่ยเลี่ยงกำลังปั่นหัวเขา จึงพูดว่า “คุณเว่ย ผมรู้ว่าคุณคงโกรธผมมาก ผมรู้สึกผิดจริงๆ ที่คุณพูดมาก็ถูก ผมมันก็แค่กบในกะลา ตอนนี้ผมสำนึกได้แล้วว่าผมผิด ถ้าคุณจะต่อยผม ด่าผม ผมก็จะไม่ว่าเลยสักนิด ขอแค่คุณให้อภัยคนอย่างผม ให้โอกาสผมได้แก้ตัว…..”