ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3536 ห้าล้านก็ห้าล้าน
เมื่อคืนหลังจากที่เย่เฉินกลับมาจากตะวันออกกลาง วันนี้ทั้งวันก็ไม่ได้ออกไปไหน
เพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์พอดี เซียวชูหรันก็ไม่ได้ออกไปทำงานที่บริษัท สองสามีภรรยาจึงปรับแต่งสวนผักเล็กๆด้วยกัน
แม่ยายอย่างหม่าหลันค้ำไม้เท้าคอยช่วยเล็กๆน้อยๆ แต่เพราะแข้งขาเดินไม่สะดวก จึงแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
ทั้งสองสาละวนอยู่ทั้งวัน จนท้องฟ้าเริ่มมืด ในที่สุดก็จัดการสวนผักเสร็จเรียบร้อย
เซียวชูหรันเด็ดถั่วแขกสดๆจากสวน มาทำเมนูผัดบะหมี่ใส่ถั่วให้เย่เฉินกิน
อันที่จริงหญิงสาวที่มาจากภาคใต้อย่างเธอทำอาหารทางภาคเหนือไม่เป็นหรอก แต่อาศัยเลื่อนดูคลิปสอนในเน็ตเอา อีกอย่างถั่วแขกในสวนก็กำลังโตได้ที่พอดี จึงอยากโชว์ฝีมือให้เย่เฉินดูสักหน่อย
เพราะฉะนั้น เซียวชูหรันจึงจูงมือหม่าหลันเดินไปในครัว ส่วนเย่เฉินยังอยู่ที่สวนผัก กำลังเก็บรวบรวมอุปกรณ์ทำสวนให้ครบ
ในตอนนี้เอง หงห้าก็โทรเข้ามาหา
เมื่อกดรับสาย หงห้าก็เอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “อาจารย์เย่ ผมได้ยินเว่ยเลี่ยงบอกมาว่า คุณแนะนำงานนายหน้าให้ผมเหรอ?”
“ใช่” เย่เฉินเอ่ยพูดยิ้มๆว่า “เขาบอกนายแล้วเหรอ?”
“บอกแล้วครับ……” หงห้าหัวเราะฮิๆออกมา “เขาบอกว่ามีฝรั่งอยากเลี้ยงข้าวเขา เลยอยากให้ผมช่วยเป็นนายหน้า เก็บค่าทานข้าวกับฝรั่งนั่นห้าล้านดอลล่า เขาบอกว่ากลัวจำตัวเลขผิด เลยให้ผมโทรมายืนยันกับคุณครับ”
เย่เฉินเอ่ยพูดว่า “เขาไม่ได้จำผิดหรอก ถ้าฝรั่งคนนั้นมาหานาย นายก็บอกเขาไปว่า ถ้าอยากนัดทานข้าวกับเว่ยเลี่ยง ก็ต้องเอาเงินห้าล้านดอลล่ามาให้นายก่อน”
หงห้าเอ่ยพูดอย่างตกใจ “ห้าล้านจริงๆเหรอครับ? อีกฝ่ายจะไม่คิดว่าผมโก่งราคาเขาเหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่หรอก นายก็แค่บอกเขาว่า ราคาที่เสนอวันนี้อยู่ที่ห้าล้าน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีกวันละล้าน แล้วให้เขาไปพิจารณาเอา”
หงห้าพอจะเดาอะไรบางอย่างได้จากคำพูดของเย่เฉิน เย่เฉินต้องกำลังปั่นประสาทฝ่ายนั้นอยู่แน่ๆ เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ได้ครับอาจารย์เย่ ผมจะจำเอาไว้ ถ้าได้เงินจากอีกฝ่ายแล้ว ผมจะโอนให้คุณทันที”
เย่เฉินเอ่ยพูด “ไม่ต้อง เงินนี้นายเอาไปแบ่งกับเว่ยเลี่ยงคนละครึ่งเถอะ ถือซะว่าเป็นค่าขนมก็แล้วกัน”
หงห้ารีบพูดขึ้นมาว่า “ได้ยังไงกันครับ…ชีวิตพังๆของผมก็ได้อาจารย์เย่ช่วยเอาไว้ ผมจะเอาเงินใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เงินของคุณสิครับ…..”
เย่เฉินพูดกลั้วยิ้มว่า “นายคือลูกน้องของฉัน ถ้านายไม่เอาเงินจากฉัน แล้วนายจะเอาเงินจากใคร?”
แค่ประโยคเดียว ก็ทำเอาหงห้าไม่รู้จะตอบยังไง
ในตอนนี้เองเย่เฉินก็พลั้งปากพูดออกไปว่า “ปกตินายสองคนก็ยุ่งอยู่แล้ว เงินนี้พวกนายก็ถือซะว่าเป็นรางวัลตอบแทนให้พวกนายๆเล็กๆน้อยก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก พูดก็พูดเถอะเงินนี้ไม่ใช่ของฉันซะหน่อย ฝรั่งโง่นั่นเป็นคนออกเองต่างหาก”
หงห้าเอ่ยขอบคุณขึ้นมาว่า “ผมเข้าใจแล้ว ขอยคุณครับอาจารย์เย่!”
เย่เฉินตอบอืมในลำคอ จากนั้นก็เอ่ยกำชับเขาว่า “พอฝ่ายนั้นจ่ายเงินมาแล้ว นายก็เตรียมที่พักให้เขาไปตามเรื่องเลยนะ ให้เขาพักที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง”
หงห้าเอ่ยถามขึ้นมาว่า “อาจารย์เย่ แล้วถ้าวันนี้เขาไม่จ่ายเงินล่ะครับ?”
เย่เฉินกล่าวยิ้มๆว่า “ไม่มีทาง วันนี้เขาต้องจ่ายเงินอย่างแน่นอน”
หงห้าพูดขึ้นมาอีกว่า “โอเคครับอาจารย์เย่ ผมจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้”
……
อีกด้านหนึ่ง สมิธรออยู่ที่หน้าทางเข้าบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนจนฟ้ามืด ก็ยังโทรหาเว่ยเลี่ยงไม่ติด
เมื่อตกอยู่ในสกานการณ์หมดหนทาง เขาจึงทำได้เพียงพาร่างเหนื่อยล้าของตัวเอง ไปขวางทางแท็กซี่ ให้คนขับพาเขาไปที่เทียนเซียงฝู่ตามที่รปภ.บอก
เมื่อมาถึงเทียนเซียงฝู่ เขาก็บอกวัตถุประสงค์ในการมาที่นี่ จากนั้นก็ถูกพนักงานต้อนรับพามาที่ชั้นบนสุดของเทียนเซียงฝู่
ห้องส่วนตัวของชั้นบนสุด ตกแต่งอย่างพิถีพิถันเหมือนกับชั้นล่าง
เพียงแต่ว่า ชั้นบนสุดจะเป็นถิ่นของหงห้าเพียงคนเดียว ยึดแค่ห้องชงชาอย่างเดียวเป็นหลัก ก็กินพื้นที่ไปเกือบร้อยตารางเมตรแล้ว สภาพแวดล้อมและบรรยากาศรอบๆเป็นไปอย่างหรูรา ไม่ใช่สถานที่ที่บ้านสุนัขสามารถมาเทียบได้
ปกติหงห้ายึดที่นี่เป็นห้องทำงานของตัวเอง ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน
สมิธถูกพามาที่ห้องชงชาของหงห้า เมื่อเจอกับหงห้าที่มาพร้อมกลิ่นอายดุดันเข้มๆ เขาก็รีบเดินเข้าไปทักทายอย่างเกรงใจ “คุณหงสวัสดีครับ! ผมชื่อเจมส์ สมิธ มาจากวอชิงตันสหรัฐอเมริกา”
หงห้าจับมือทักทายกับเขา เชิญเขานั่งลงตรงข้ามบนโต๊ะชงชา เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “เชิญนั่งครับคุณสมิธ ลองชิมชาจากหัวเซี่ยดูหน่อยเป็นไง”