ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3543 แม่งฉิบหาย คุณมันเลวจริง ๆ
ความจริงแล้วคำว่า I don’t give a shit’ เป็นภาษาหยาบคายในภาษาอังกฤษของชาวอเมริกัน ซึ่งมันหมายความว่า แม่งฉิบหายผมไม่สนใจ หรือผมไม่สนใจคุณหรอก
เหตุผลที่เย่เฉินเลือกภาษาหยาบคายของอเมริกัน คือการแสดงทัศนคติต่อสมิธอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย ต่อหน้ายาเกิดใหม่เก้าเสวียนแล้ว คุณยังต้องการจะพูดเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของพวกคุณอีก?
คุณ! คู่ควร! หรือ?!
ตอนที่สมิธได้ยินประโยคนี้ เขาก็เข้าใจทัศนคติของเย่เฉินทันที
สำหรับยาเกิดใหม่เก้าเสวียนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นยาช่วยชีวิต แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎเกณฑ์แล้ว มันคืออาวุธที่ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นได้
ประกอบกับผลผลิตที่น้อย จึงเป็นที่ต้องการของคนมากมาย
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกอย่างจะเป็นตลาดของผู้ขาย และผู้ขายคือจ้าว
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงกล่าวว่า “คุณเย่ ผมขอโทษด้วย เมื่อสักครู่ผมใช้คำพูดไม่เหมาะสม…… ”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็แสดงทัศนคติอย่างรวดเร็ว “คุณวางใจเถอะ พวกเรายินดีจ่ายเงินค่ายาให้คุณ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะกำหนดราคายาชนิดนี้อย่างไร?”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคุณเป็นผู้ที่รับผิดชอบของ FDA คุณควรรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนายาเฉพาะนั้นสูงมาก ดังนั้นราคาของยาเหล่านี้จึงค่อนข้างสูงมากเช่นกัน……”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เย่เฉินเจตนาเปลี่ยนหัวข้อและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไงก็ตาม ผมได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ FDA ของพวกคุณเพิ่งอนุมัติยาเฉพาะไปหนึ่งล็อต และแค่เข็มเดียวก็มีมูลค่ากว่าสองล้านดอลลาร์สหรัฐ? มีเรื่องเช่นนั้นหรือไม่?”
“มีครับ……” สมิธปาดเหงื่อเย็นเยียบและกล่าวตะกุกตะกักว่า “ยาชนิดนั้นมาจากโนวาร์ตีส และเป็นยาเฉพาะสำหรับรักษาอาการกล้ามเนื้อกระดูกสันหลังลีบในเด็ก”
เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นราคายาเฉพาะของพวกเราที่สามารถรักษามะเร็งระยะสุดท้ายต้องไม่ต่ำเกินไป คุณว่าไหม?”
สมิธรีบกล่าว “คุณเย่ การที่ราคายาของโนวาร์ตีสที่ค่อนข้างแพง นั่นเป็นเพราะสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดเพียงครั้งเดียว….แต่ยาเกิดใหม่เก้าเสวียนเป็นยาที่ต้องทานเป็นเวลานาน ถ้าตั้งราคาสูงเกินไป เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถจ่ายได้…..”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่ากังวล พวกเราไม่สามารถขายสองล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างแน่นอน เช่นนั้นมันจะเป็นการตั้งราคาส่งเดช?”
สมิธถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขากลัวว่าเย่เฉินจะตั้งราคาสูงจริง ๆ
ขณะนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจว่า “ถ้าขายกล่องละสองล้านดอลลาร์สหรัฐจริง ๆ เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถซื้อได้นอกจากเศรษฐีอันดับต้น ๆ ที่มีทรัพย์สินมากกว่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะหนึ่งกล่องมีแค่เจ็ดเม็ด และหนึ่งเม็ดก็มีมูลค่าสามแสนดอลลาร์สหรัฐแล้ว ถ้าผู้ป่วยใช้เงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีไปกับยาเพียงอย่างเดียว แม่งฉิบหายตายเสียดีกว่า…….”
ขณะนี้เย่เฉินกล่าวว่า “ผมคิดว่ายาชนิดนี้ขายกล่องละหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นราคาที่ค่อนข้างเหมาะสม”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สมิธแทบเสียสติและกล่าวโพล่งออกมา “กล่องละหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ หนึ่งปีต้องใช้ 52 กล่อง…..กล่าวคือต้องเสียค่ารักษาปีล่ะห้าสิบสองล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่…..นี่มันสูงเกินไปแล้ว…..”
เย่เฉินกางมือและกล่าวว่า “จนปัญญา ต้นทุนการวิจัยและพัฒนาของพวกเราสูงมาก ต้นทุนการผลิตสูงมาก และผลผลิตน้อยมาก ไม่เกินหนึ่งแสนกล่องต่อปี ขายกล่องล่ะหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ มียอดขายต่อปีไม่เกินหนึ่งพ้นล้านดอลลาร์สหรัฐ มันสูงหรือ? ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่บริษัทตะวันตกของพวกคุณผลิต มียอดขายต่อปีเกินหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ผมยังไม่ว่าอะไรพวกคุณเลย?”
หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวอีกว่า “คุณต้องเข้าใจว่ายาแผนโบราณตะวันออกของพวกเรานั้น อาศัยวัตถุดิบธรรมชาติชนิดพิเศษต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากยาสารเคมีของพวกคุณ ขอเพียงแค่สามารถพัฒนาสูตรโมเลกุลได้ ก็สามารถนำไปผลิตในสายการผลิตได้ และสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก”
สำหรับยาเกิดใหม่เก้าเสวียนแล้ว เย่เฉินไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก อย่างน้อยตอนนี้เขายังห่างไกลจากความสามารถนั้น
เพราะสิ่งที่ยานี้ต้องอาศัยคือยาช่วยหัวใจ และเป็นไปไม่ได้ที่วัน ๆ เขาไม่ทำอะไรเลย และนั้นจะเอาแต่ปรุงยาอยู่ที่บ้าน
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะมีหัวใจที่จะกอบกู้โลก แต่เขาก็ไม่มีความสามารถที่จะช่วยทุกคนได้