ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3570 ฉันเป็นตัวแทนของสำนักว่านหลง มาทักทายแก
บัลเดอร์เพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองที่อยู่ในใจของลูกน้อง และตำแหน่งอยู่ในอ่าวเอเดน ได้เรียกลูกน้องของตัวเองมาประชุมในทันที และจัดประชุมระดมพล
เดิมที หลังจากที่ทหารต๊อกต๋อยทั้งหมดภายใต้คำสั่งของเขาได้ยินว่าลูกพี่ประกาศสงครามกับสำนักว่านหลง แต่ละคนดูค่อนข้างอยู่ไม่สุข
พวกเขาก็รู้ความสามารถของตัวเอง ถ้าต่อสู้กับสำนักว่านหลงจริงๆ คนอย่างพวกเขา ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นทหารรับจ้างระดับสูงสุดที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างยาวนาน ตัวเองกลับเป็นแค่โจรสลัดธรรมดาที่ขนาดทักษะปืนก็ไม่ได้ฝึกฝนให้ดีเพียงแค่ถือAK47เล็งเป้าหมายแล้วกระหน่ำยิงเท่านั้น ถ้าเป็นศัตรูกับสำนักว่านหลงเป็นจริงๆ เกรงว่าจะตายอย่างไรก็ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม บัลเดอร์สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำขององค์กรโจรสลัดได้อย่างมั่นคง มีความเก่ง เขาพูดอย่างยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมแต่ตอนเย็นจนถึงฟ้ามืด กับสมาชิกโจรสลัดเหล่านี้ที่ไม่รู้จักตัวหนังสือสักตัว
เพื่อปลุกเร้าความโกรธภายในส่วนลึกหัวใจของพวกเขา เขาถึงขนาดเริ่มใช้อุปกรณ์ฉายภาพของตัวเอง เปิดวิดีโอท่อนนั้นที่สำนักว่านหลงอัปโหลดวนไปวนมาให้ลูกน้องทั้งหมด และในที่สุดก็สามารถจุดประกายความโกรธของลูกน้องทุกคนได้สำเร็จ
ดังนั้น เขาจึงยุยงในทันที: “ถ้าหากพวกเราไม่ขับไล่สำนักว่านหลงออกจากอ่าวเอเดน งั้นจากนี้ไปพี่น้องของพวกเรา และตัวของพวกเราเอง ก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน ถึงเวลานั้น อ่าวเอเดนของพวกเรา ไม่มีที่อยู่สำหรับพวกเราอีกต่อไป หรือว่าพวกแกยินยอมที่จะละทิ้งธุรกิจโจรสลัดที่ดีขนาดนี้ไป และพายเรือแคนูไปจับปลาในทะเลเหรอ!?”
กลุ่มลูกน้องตะโกนเสียงดังในทันทีว่าไม่ต้องการ
เพราะว่าพวกเขาคุ้นเคยกับอาชีพโจรสลัดที่ได้เงินเร็วแบบนี้แล้วก็ไม่มีความเสี่ยงอะไร ก็ย่อมไม่ยินยอมที่จะหาทางทำมาหากินด้วยวิธีอื่น
เนื่องจากว่าอยู่ในสถานที่อย่างโซมาเลียแบบนี้ ความยากของการหาเงินนั้นยากกว่าการไปปล้นในทะเลเป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดให้พวกเรากลับเป็นชาวนาหรือชาวประมง ถ้าอย่างนั้นพวกเขายอมแบกปืนไปต่อสู้กันจนตายกับอีกฝ่าย
เมื่อบัลเดอร์เห็นจิตใจของลูกน้องถูกตัวเองปลุกระดมขึ้นมา ก็ออกคำสั่งในทันที และพูดเสียงดังว่า: “คืนนี้ทุกคนเตรียมเรือและอาวุธให้พร้อม พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะโจมตีทั้งกองทัพ! ค้นหาสินค้าของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดในอ่าวเอเดน! ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องปล้นมาได้ลำหนึ่ง!”
รองผู้นำของเขาอดไม่ได้ที่พูดว่า: “ลูกพี่ ทหารของสำนักว่านหลงนั้นต่อสู้ตัวต่อตัวแข็งแกร่งมาก พวกเราอยากจะสู้กับเรือบรรทุกสินค้าที่พวกเขาคุ้มกัน เกรงว่าจะทำสำเร็จได้ยากมาก!”
บัลเดอร์พูดอย่างเย็นชาว่า: “ฉันรู้ว่าทหารของสำนักว่านหลงเป็นทหารเดี่ยวที่คุณสมบัติแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาสามารถที่จะแบ่งคนของเรือบรรทุกสินค้าทุกลำคงจะไม่มากนัก ดังนั้นคนของพวกเรา หลังจากที่ค้นพบเรือบรรทุกสินค้าของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัด อย่าได้กระทำการบุ่มบ่าม แต่รายงานพิกัดที่อยู่ในทันที หลังจากที่เรือสปีดโบ๊ทลำอื่นไปเสริมกำลัง ร่วมมือกันจี้ปล้นเรือบรรทุกสินค้าลำนี้ให้ได้!”
จากนั้น บัลเดอร์พูดต่อไปว่า: “ถ้าหากครั้งนี้พวกเราไม่กำราบสำนักว่านหลงและบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดในครั้งนี้ งั้นจากนี้ไปชื่อเสียงของสำนักว่านหลงจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเรายิ่งอยู่ยิ่งจะยากมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเราก็ต้องประสบความสำเร็จในการจี้ปล้นเรือบรรทุกสินค้าของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดก่อน ในขณะเดียวกันทำให้ชื่อเสียงของสำนักว่านหลงเสื่อมเสีย ยังจะต้องทำให้บริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดชดใช้กรรมมหาศาล”
รองผู้นำรีบถามเขาว่า: “ลูกพี่ พี่วางแผนจะจัดการกับสินค้าของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดยังไง?”
บัลเดอร์พูดด้วยใบหน้าที่โหดร้ายอย่างฉับพลันว่า: “หลังจากที่ปล้นเรือมาได้ ก็ฆ่าลูกเรือทั้งหมดบนเรือและทหารของสำนักว่านหลงแล้วโยนลงทะเล! ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะถ่ายวิดีโอทั้งหมดแล้วโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ฉันจะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าจุดจบของการหาเรื่องพวกเรา!”
จากนั้น บัลเดอร์ก็พูดอีกว่า: “สำหรับเรือที่ถูกจี้ปล้น ถึงเวลานั้นเสนอราคาหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดให้พวกเขาไถ่ถอนกลับไป ถ้าหากพวกเขาไม่จ่ายเงิน ก็ขนสิ่งของมีค่าบนเรือลงมา ต่อจากนั้นทำให้เรือจม!”
ทันใดนั้น บัลเดอร์ก็พูดต่อไปว่า: “ถ้าบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดจ่ายเงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐมาอย่างว่าง่าย ถึงเวลานั้นพวกพี่น้องคนล่ะสามหมื่น! ถ้าเรือลำไหนปล้นได้สำเร็จก่อน คนล่ะหนึ่งแสน!”