ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3700
เฟ่ยเข่อซินกำลังรอข่าวอยู่ในห้องของเธอ เมื่อสายเข้า ก็รีบรับสาย แสร้งทำเป็นไม่สนใจและถามว่า: “ซานซาน มีอะไรหรือเปล่า?”
เฉินอิ่งซานรีบพูด: “คุณหนู ฉันอยู่ที่บริษัทประธานเซียว เธอบอกว่าอยากรีบเจอท่านซึ่งๆหน้า คุยเรื่องความต้องการในการออกแบบของท่าน แบบนี้ถึงจะสามารถ ออกแบบภาพร่างให้ท่านได้ ท่านว่าท่านสะดวกเวลาไหนคะ?”
ซ่งเข่อซินพูดลวกๆออกว่า: “ตอนเช้าฉันไม่มีธุระพอดี ถ้างั้นคุณก็พาประธานเซียวมานี่เถอะ”
เฉินอิ่งซานกล่าวว่า: “ได้ค่ะ ท่านรอสักครู่ ฉันถามประธานเซียว”
พูดแล้ว เฉินอิ่นซานหันหน้าไปยังเซียวชูหรัน และถามว่า: “ประธานเซียว คุณหนูของเราบอกว่าตอนนี้มีเวลาว่าง เธอพักอยู่ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง อยู่ไม่ห่างจากที่นี่ ถ้าท่านไม่มีธุระอะไร เราไปกันตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ”
เซียวชูหรันพูดโดยไม่ต้องคิด: “ฉันไม่มีปัญหา พวกเราก็ไปกันเลย”
“โอเค!” เฉินอิ่งซานยิ้มและพูด: “ฉันขับรถมาพอดี ไม่งั้นประธานเซียวนั่งรถของฉันไหม?”
“ได้!” เซียวชูหรันตอบตกลงอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นและหยิบสมุดจดหนึ่งเล่มจากโต๊ะ ใส่แท็บเล็ตของตัวเองลงไปในกระเป๋า จากนั้นก็ตามเฉินอิ่งซานออกไปจากบริษัท
เพราะก่อนที่จะรับออเดอร์นี้ เซียวชูหรันได้ถามความคิดเห็นของเย่เฉินแล้ว ดังนั้นหลังจากที่เธอรับออเดอร์นี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรายงานทุกอย่างต่อเย่เฉิน
โดยเฉพาะเรื่องที่ไปพบผู้จ้าง ในเรื่องของการตกแต่งก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป บางครั้งต้องติดต่อพูดคุยกับผู้จ้างจนถึงค่ำ ล้วนแล้วสมเหตุสมผล ดังนั้นเซียวชูหรันก็ไม่ได้คิดมาก
เฉินอิ่งซานขับรถพาเซียวชูหรันมุ่งหน้าไปยังโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ระหว่างทาง ก็หาเรื่องต่างๆพูดคุยกับเซียวชูหรัน ขณะเดียวกัน ก็จับตาดูเธอตลอด สังเกตว่าเธอกำลังใช้โทรศัพท์สื่อสารกับคนอื่นหรือไม่ หรือว่าส่งข้อความออกไป
แต่เซียวชูหรันก็ไม่ใช่คนที่ถือโทรศัพท์ทุกวันอยู่แล้ว อีกอย่างคุยกับเฉินอิ่งซานตลอดทาง ดังนั้นโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า ก็ไม่ได้เอาออกมาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
ทำให้ฉินอิ่งซานรู้สึกวางใจไม่น้อย
รถมาถึงโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง เฉินอิ่งซานก็พาเซียวชูหรันมาถึงห้องเพรสซิเดนสูทที่เฟ่ยเข่อซินอยู่
นี่คือครั้งแรกที่เซียวชูหรันได้เจอเฟ่ยเข่อซิน
ในการพบกันครั้งแรก เซียวชูหรันตกตะลึงกับออร่าอันทรงพลังอย่างเป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย
ความงามของเฟ่ยเข่อซินไร้ที่ติ แต่สิ่งที่ทำให้เซียวชูหรันตะลึงยิ่งกว่า ก็คือมีความรู้สึกสูงส่งในตัวเธอทั่วทุกที่เลย
ความรู้สึกนี้พูดแล้วมันค่อนข้างไร้สาระ แต่เมื่อเจอได้เจอหน้ากับคนเช่นนี้ มีความคิดผุดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว นั่นคือที่มาของคนนี้ จะต้องมีอำนาจและชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่มากๆ
ในทำนองเดียวกัน เฟ่ยเข่อซินก็รู้สึกว่า เซียวชูหรันแตกต่างจากเพื่อนเพศเดียวกันที่เธอเคยพบเจอมาก
แวดวงสังคมประจำวันของเฟ่ยเข่อซิน ส่วนใหญ่เป็นสาวงามชั้นนำ ทุกคนมีความคล้ายกันในแง่ของ ฐานะทางครอบครัว การศึกษา ดังนั้นเมื่อคบค้าสมาคมกัน มีกลิ่นอายและความรู้สึกแวดวงสังคมชั้นสูง แม้ว่าพวกเธอจะอยู่ในหมู่คนหลายหมื่นคน พวกเธอก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้
แต่บนร่างกายของเซียวชูหรัน เธอไม่เห็นออร่าแบบชนชั้นสูงที่ควรมี
อีกอย่าง เฟ่ยเข่อซินพบว่า เซียวชูหร่านรู้สึกประหม่าต่อหน้าตัวเอง
เซียวชูหร่านในขณะนี้ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ตั้งแต่วินาทีที่เธอรู้ว่ารับงานวิลล่าของซ่งเข่อซินที่จัดเตรียมเงินสำหรับตกแต่ง 50 ล้าน เธอก็รู้สึกว่า ด้วยความสามารถของตัวเอง ระดับชื่อเสียง ซึ่งไม่น่าจะสอดคล้องกับโครงการตกแต่งที่ใหญ่เช่นนี้เลย
แม้ว่าสุดท้ายเธอรับโครงการนี้มา แต่ลึกๆในใจ กลับมักจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรเกินตัวแล้ว
เห็นสปอนเซอร์ตรงหน้า ในใจก็ย่อมมีความประหม่าที่ยากจะควบคุมได้ไปโดยปริยาย
เฟ่ยเข่อซินเห็นท่าทางเล็กน้อยที่เธอแสดงออกมาโดยไม่ตั้งใจทั้งหมด เธอกลับเอื้อมมือออกไปอย่างใจกว้างแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ประธานเซียวสวัสดีค่ะ ฉันชื่นชมชื่อของคุณมานานแล้ว”