ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3724
เมื่อเย่เฉินฟังที่เซียวฉางควานพูดจบ ก็ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาทำได้เพียงอธิบายกับเซียวฉางควานอย่างใจเย็นว่า “พ่อ ดูโหงวเฮ้งจากรูปมันยากมากเลยนะ เพราะมันไม่ใช่แค่ดูอวัยวะทั้งห้ากับหน้าตาอย่างเดียว แต่ต้องดูทุกมิติบนใบหน้า ถึงจะสามารถดูได้ว่าโหงวเฮ้งของคนคนหนึ่งบ่งบอกถึงอะไร”
เซียวฉางควานเอ่ยถามอย่างข้องใจ “การดูโหงวเฮ้ง แค่ดูหน้าตาของฝ่ายตรงข้าม มันก็สามารถรู้ถึงชะตาได้อย่างคร่าวๆแล้วไม่ใช่เหรอ? แกลองดูรูปภาพนี้ให้ดีๆ นี่เป็นรูปหน้าตรงที่ทางการลงประกาศไว้เลยนะ”
เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจนใจ “พ่อ เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น พ่อเองก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่าใครมีจุดยิ้นถางสีดำ เท่ากับคนนั้นเป็นตัวกาลกิณี แต่พ่อลองดูรูปภาพพวกนี้ แสงส่องหน้าขาวจนไม่รู้จะขาวยังไง ต่อให้มีจุดยิ้นถางสีดำก็แทบจะมองไม่เห็น ดังนั้นถ้าจะดูโหงวเฮ้งจากรูปยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือหรอก”
เซียวฉางควานเอ่ยพูดอย่างฟึดฟัด “ฉันได้ยินมาว่าหมอนี้เก่งมาก ก็เลยอยากโชว์ฝีมือให้หมอนี้ดูสักหน่อย พอเห็นอย่างนี้แล้วหมดสนุกเลย”
พูดจบ เขาก็รีบพูดต่อ “ลูกเขย งั้นแกดูให้หน่อยว่าแบบแปลนของศูนย์จัดงานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าดูโหงวเฮ้งไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะดูฮวงจุ้ยของศูนย์จัดงานได้ใช่ไหม?”
เย่เฉินหมดคำจะพูด จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ผมขอไปศึกษาก่อน”
ในตอนนี้เองเซียวชูหรันก็เอ่ยถามว่า “พ่อ แม่ได้บอกไหมว่าจะกลับมาตอนไหน แล้วข้าวเย็นเราจะทานอะไร?”
เซียวฉางควานพูดขึ้น “แม่แกไม่ได้บอกว่าจะกลับมาตอนไหน ถ้างั้นเราสั่งเดลิเวอรี่มากินกันไหมล่ะ?”
ขณะที่พูด เขาก็บ่นว่า “ยัยมนุษย์ป้าหม่าหลันนี่ก็จริงๆเลย ออกไปข้างนอกไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงขนาดไม่กลับบ้านกลับช่องมาทำข้าวปลาอาหาร มันจะมากเกินไปแล้ว……”
พูดจบไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงเกรี้ยวกราดของหม่าหลันก็ดังตามมา “เซียวฉางควาน! คุณว่าใครเป็นมนุษย์ป้า?!”
เมื่อเซียวฉางควานเห็นหม่าหลันกลับมาแล้ว แถมยังมีเฉียนหงเย่นคอยประคองอยู่ด้านหลังด้วย ก็เอ่ยพูดอย่างหงุดหงิดว่า “รู้จักกลับบ้านกลับช่องด้วยเหรอ เราสามคนพ่อลูกรอคุณจนท้องร้องหมดแล้ว!”
หม่าหลันสวนกลับอย่างโมโห “เซียวฉางควานคุณไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วใช่ไหม ฉันเดินไม่ถนัด ต้องอยู่บ้านทำกับข้าวตั้งหลายวัน ฉันออกไปข้างนอกแค่นี้ คุณทำกินเองไม่ได้หรือไง?!”
เซียวฉางควานกำลังจะพูด เฉียนหงเย่นที่อยู่ข้างหลังพูดดันหลังขึ้นมาว่า “ใช่ๆ!ฉันไม่ได้อยากว่าแกหรอกนะ แต่ระยะนี้หม่าหลันไม่ใช่จะผ่านมาได้ง่ายๆ แกไม่ดูแลเธอให้ดีไม่เท่าไหร่ แต่นี่ยังคิดที่แบมือแบเท้าให้เธอทำอาหารป้อนอีกเหรอ?”
เซียวฉางควานเอ่ยพูดอย่างเดือดปุดๆ “ก็แค่ให้เธอทำกับข้าวแค่นี้เอง อีกอย่างก็ไม่ได้ทำให้ผมกินคนเดียวสักหน่อย ก็ทำให้ทั้งลูกสาวลูกเขยกินด้วยกันทั้งนั้น พี่ไม่รู้หรอกว่า แค่อยู่บ้านทำกับข้าว ลูกเขยผมก็ต้องให้เงินเธอทุกเดือน!”
เฉียนหงเย่นส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “ในเมื่อเย่เฉินเป็นคนให้เงิน คนที่เดือดร้อนก็ควรที่จะเป็นเย่เฉินสิ ถ้าพูดกันตรงๆแกมันก็แค่เกาะคนอื่นกิน ยังมีหน้ามาต่อว่าหม่าหลันแบบนี้อีกเหรอ?”
หม่าหลันรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนรู้ใจ จึงเอ่ยปากพูดว่า “ไอ้หยาพี่สะใภ้ วันนี้อุตส่าห์ทวงความยุติธรรมให้ฉัน งั้นวันนี้ฉันขอพูดอะไรจากใจกับพี่หน่อย ผู้ชายนามสกุลเซียวแต่ละคนเอาใจยากสุดๆ!ยิ่งเซียวฉางควานยิ่งแล้วใหญ่ ส่วนเซียวฉางเฉียนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่! สมกับที่มาจากรังเดียวกันจริงๆ!”
เฉียนหงเย่นพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น “หม่าหลัน ที่เธอพูดมาถูกต้องที่สุด!เธอว่าเราสองคนทำกรรมอะไรกันไว้ ถึงได้มาเจอสองพี่น้องคู่นี้! คงดวงซวยไปอีกแปดชาติ!”
เซียวฉางควานถูกแขวะจนหน้าดำหน้าแดง แต่ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าควรสวนกลับไปยังไงดี เพราะที่เฉียนหงเย่นพูดมาก็ถูกทั้งหมด เย่เฉินเป็นคนให้เงิน เขาไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าใครทั้งนั้น
พูดก็พูดเถอะ เซียวฉางควานอยู่มาทั้งชีวิต เขารู้จักประเมินสถานการณ์มาตลอด เวลาทำอะไรไม่ได้ ก็จะแสร้งทำตัวอ่อนแอ นี่เป็นอุบายที่เขาใช้บ่อยจนชิน