ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3734
คนทำธุรกิจล้วนแล้วแต่ปฏิบัติให้ลูกค้ารู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน
หรือที่เขาเรียกกันว่าลูกค้าคือพระเจ้า
ใครเปิดร้านค้าขาย ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาอกเอาใจลูกค้าให้รู้สึกสบายที่สุด
แบบนี้ถึงจะสามารถรักษาความรุ่งเรืองของธุรกิจเอาไว้ได้
การประมูลยาอายุวัฒนะในครั้งนี้ มีเพียงแห่งเดียวในโลก ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายผู้จัดจะมีท่าทีย่ำแย่ขนาดไหน กลุ่มคนมีเงินก็ยังต้องยื้อแย่งมาให้ได้
ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่เย่เฉินไม่อยากไว้หน้าพวกเขา
มหาเศรษฐีกลุ่มนี้ ถูกคนรอบข้างเลียแข้งเลียขาจนเคยตัว ต่อให้เจ้าหน้าที่บริการพวกเขาด้วยใจขนาดไหน ก็ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตื้นตันอยู่ดี
อย่างนี้แล้ว สู้กระทำตรงกันข้ามยังจะดีกว่า ไม่ใช่แค่ไม่เลียแข้งเลียขาพวกเขา แต่ยังทำเหมือนเหยียบย่ำหัวของพวกเขาไปด้วย
ต้องทำให้เหล่ามหาเศรษฐีที่ปกติถือตัวสูงส่ง ได้ลองสัมผัสความรู้สึกถูกควบคุมและถูกตะคอกเสียบ้าง พวกเขาจะได้จำขึ้นใจ
ดังนั้น เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงได้รับการอบรมจากเฉินจื๋อข่าย แม้ว่าในใจจะเกรงกลัวต่อมหาเศรษฐีที่นั่งเครื่องบินราคาพันล้านมาที่เมืองจินหลิงแค่ไหน เบื้องหน้าก็ต้องแสดงออกอย่างไม่ไว้หน้าพวกเขา
เรื่องไหนไม่จำเป็นต้องมีมารยาทก็ไม่ต้องมี เรื่องไหนควรที่จะสั่งสอนก็ต้องสั่งสอน
เฟ่ยเจี้ยนจงเองก็คาดคิดไม่ถึง ว่าการที่ตัวเองมาเข้าร่วมงานประมูลยาอายุวัฒนะตั้งไกลหลายหมื่นกิโล ยังไม่ทันได้เห็นยาอายุวัฒนะ ก็ได้รับรหัสภายใน035มาก่อนเสียแล้ว
แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าแสดงออกว่าไม่พอใจ ทำได้เพียงยิ้มแกนๆออกมา “นี่พ่อหนุ่ม พวกนายยังไม่บอกตารางการเข้าร่วมงานประมูลมาเลยนะ ขอสอบถามกำหนดการอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นเอ่ยพูดอย่างรำคาญ “เมื่อกี้ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณแค่เดินไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตรงนั้น แล้วปฏิบัติตามแนวทางของเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องถาม1”
หลังจากอายุของเฟ่ยเจี้ยนจงขึ้นเลขสี่ก็ไม่มีใครกล้าพูดจากับเขาแบบนี้ พอโดนปฏิบัติอย่างไม่ไว้หน้า ในใจก็กรุ่นโกรธมากถึงมากที่สุด
แต่เขาเองก็รู้ ว่ามาเยือนถิ่นคนอื่น ก็ต้องรู้จักก้มหัวให้ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ๆๆ ฉันจะไปรายงานตัวเดี๋ยวนี้”
ในตอนนี้เอง หยวนจื่อซูบอดี้การ์ดประจำตัวของเฟ่ยเจี้ยนจง ก็เดินตามล่ายชิงหวาลงมาจากเครื่อง
เมื่อเห็นท่าทีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อเฟ่ยเจี้ยนจงอย่างไร้ความรับผิดชอบ หยวนจื่อซูก็เอ่ยพูดเสียงเย็นขึ้นมาว่า “นี่พ่อหนุ่ม 费先生ท่านอายุเก้าสิบแล้ว ต่อให้นายไม่สนใจเรื่องฐานะทางสังคม ก็ควรที่จะเคารพท่านในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่งนะ”
เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว เอ่ยพูดว่า “ผมได้รับคำสั่งให้มาชี้แจงกำหนดการแก่คนที่จะเข้าร่วมงานประมูลที่นี่ ผู้จัดการเฉินกำชับผมเป็นพิเศษ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็ต้องปฏิบัติให้เท่าเทียม และไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร คุณไม่ได้เป็นคนให้เงินเดือนผมสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนผมไม่ทราบ?”
หยวนจื่อซูไม่คิดเลยว่า คนอายุน้อยตรงหน้าจะกล้าพูดกับตัวเองอย่างนี้ เขากำลังจะระเบิดออกมา แต่ล่ายชิงหวาที่อยู่ข้างๆกับตบไหล่ห้ามเขาเอาไว้ “จื่อซวน เด็กคนนี้ก็แค่ทำตามคำสั่ง นายไม่เห็นต้องโกรธเลย”
เมื่อหยวนจื่อซูได้ยิรล่ายชิงหวาพูดออกมาแบบนี้ จึงทำได้เพียงพูดอย่างนอบน้อมว่า “ขอโทษครับท่านล่าย ผมไม่เด็ดขาดพอ คงทำคุณขายหน้าแย่”
ล่ายชิงหวาโบกมือ หัวเราะออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร
เจ้าหน้าที่คนนั้นมองมาที่ล่ายชิงหวา เอ่ยถามเขาว่า “คุณก็มาเข้าร่วมงานประมูลเหรอ?”
ล่ายชิงหวาพยักหน้า “ใช่”
เจ้าหน้าที่หยิบรายชื่อขึ้นมา เอ่ยถามว่า “คุณชื่ออะไร? ผมขอตรวจดูก่อน”
ล่ายชิงหวาพูดยิ้มๆ “คุณนามสกุลล่าย ชื่อเต็มล่ายชิงหวา”
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินคำวำล่ายชิงหวา ท่าทีเย่อหยิ่งที่มีก่อนหน้านี้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นนอบน้อม
เขารีบโค้งคำนับ เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “สวัสดีครับท่านล่าย! ผู้จัดการเฉินกำชับเอาไว้ว่าคุณคือหนึ่งในแขกกิตติมศักดิ์ของเรา ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนที่นี่ เดี๋ยวอีกสักครู่รบกวนคุณขึ้นรถ ทีมงานของเราจะพาคุณไปส่งที่โรงแรม ทางโรงแรมจะมีพนักงานพิเศษคอยทำเรื่องเข้าพักให้คุณครับ”