ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3735
ล่ายชิงหวาไม่คาดคิดว่า เด็กหนุ่มที่ก้าวร้าวในตอนแรก จะมีท่าทีอ่อนน้อมกับตัวเองแบบนี้ แต่ต่อมาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เย่เฉินน่าจะกำชับไว้ล่วงหน้า ในใจอดที่จะรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าเย่เฉินจะอายุน้อยกว่า แต่ในมุมมองของเขา ในด้านโชคชะตา เย่เฉินอยู่สูงมากกว่าเป็นไหนๆ แต่ว่าตัวเองจะมีชีวิตมาแล้วร้อยปี แต่เมื่อเห็นเย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคำนับทำความเคารพ
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เฉินจะกำชับลูกน้องให้ดูแลตาแก่อย่างเขาเป็นพิเศษ มันทำให้เขาปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก
จากนั้น เขาก็ชี้ไปที่เฟ่ยเจี้ยนจง เอ่ยพูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า “พ่อหนุ่ม คนนี้เป็นเพื่อนของฉัน ฉันอยากรอเขารายงานตัวเสร็จก่อน แล้วค่อยไปโรงแรมพร้อมกัน ไม่ทราบว่าได้ไหม?”
เจ้าหน้าที่เอ่ยพูด “ท่านล่าย คุณเป็นแขกกิตติมศักดิ์ จึงไม่ต้องพักรวมกับผู้เข้าประมูลคนอื่นๆ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรอไปพร้อมกับเขาก็ได้ครับ”
ล่ายชิงหวาหัวเราะออกมา เอ่ยพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกฉันสองคนเป็นเพื่อนกัน ถึงจะไม่ได้พักที่เดียวกัน ฉันก็ยังจะรอไปพร้อมเขาอยู่ดี”
“ได้ครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ท่านล่าย คุณไปรอที่รถเถอะครับ ทางนี้เขายังต้องทำเรื่องอีกหลายขั้นตอน เสร็จแล้วยังต้องใส่ปลอกคอด้วย”
เฟ่ยเจี้ยนจงที่อยู่ข้างๆเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ใส่ปลอกคอ? ปลอกคออะไร?”
เจ้าหน้าที่กลับมามีใบหน้าเย็นชา เอ่ยพูดว่า “ผู้จัดการเฉินสั่งชุดแบบเดียวกันมาให้ผู้เข้าประมูลใส่ ก่อนหน้านี้ก็ให้พวกคุณวัดส่วนสูงชั่งน้ำหนักแล้วไม่ใช่หรือไง? อีกสักพักหลังจากลงทะเบียนเสร็จ พวกคุณจะได้ชุดสั่งตัดคนละชุด สองสามวันต่อจากนี้ จนกว่าการประมูลจะสิ้นสุดลง พวกคุณต้องใส่ชุดที่ทางเราเตรียมเอาไว้ให้เท่านั้น”
เฟ่ยเจี้ยนจงคับข้องใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยขัด ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างฮึดฮัด ปล่อยให้พ่อบ้านพยุงตัวเองไปลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียน
จุดลงทะเบียน เป็นอะไรที่ย่ำแย่สุดๆ
นอกจากโต๊ะทำงานแล้ว ก็มีแค่เก้าอี้พลาสติกวางอยู่ตรงหน้าสำหรับให้ผู้เข้าร่วมนั่ง
เปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ กลับได้นั่งเก้าอี้สำนักงานที่มีพนักพิง แม้ว่าจะไม่ใช่เก้าอี้หรูหรามีระดับ แต่ก็ยังดีกว่าเก้าอี้พลาสติกสองตัวที่วางอยู่ตรงหน้าโต๊ะมากโข
เฟ่ยเจี้ยนจงรู้สึกอัดอั้น เขาเป็นถึงมหาเศรษฐีหมื่นล้าน แต่กลับต้องมานั่งบนเก้าอี้พลาสติก และคอยยื่นพลาสปอร์ตของตัวเองให้เจ้าหน้าที่วัยละอ่อนตรงหน้าลงทะเบียนให้
หนึ่งในนั้น หยิบพลาสปอร์ตขึ้นมา เปรียบเทียบใบหน้าของเฟ่ยเจี้ยนจง ทำซ้ำๆอยู่หลายรอบ เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาคนในรูปกับคนตรงหน้าเป็นคนละคนกัน
หลังจากตรวจสอบเสร็จ จนมั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “035 ที่พักของคุณพวกเราจะเตรียมไว้ให้ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆคุณต้องรับผิดชอบเอง ส่วนเรื่องรูปแบบห้องและราคาที่เหมาะสม ทางโรงแรมจะมีพนักงานมาแนะนำให้คุณ เข้าใจไหม?”
ต่อมา เจ้าหน้าที่ก็หยิบชุดกีฬาใหม่เอี่ยมขึ้นมาสองชุด แต่ละชุดแพ็คด้วยห่อพลาสติก และมีกระดาษปริ้นซ์แปะหมายเลขอาราบิก “035”เอาไว้
เขาวางชุดกีฬาลงตรงหน้าเฟ่ยเจี้ยนจง เอ่ยพูดว่า “นี่คือชุดของคุณ มีทั้งหมดสองชุด โรงแรมจะนำชุดที่ซักสะอาดแล้วมาให้คุณเปลี่ยนทุกวัน แค่สองชุดก็เพียงพอให้ใส่ในแต่ละวันแล้ว แต่ว่าค่าซักรีดต้องเก็บต่างหาก”
เฟ่ยเจี้ยนจงถอนหายใจ แล้วพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”
เจ้าหน้าที่มองมาทางพ่อบ้านและหยวนจื่อซู เอ่ยพูดว่า “ทุกคนที่เข้าร่วมประมูล นับตั้งแต่วันที่เข้าพัก จนถึงวันสิ้นสุดการประมูล อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้แค่คนเดียว และในระหว่างนั้นห้ามมีการสลับสับเปลี่ยนเด็ดขาด เพราะฉะนั้นคุณจะพาใครเข้าไปด้วยให้ไปตัดสินใจก่อนล่วงหน้า หลังจากตัดสินใจได้แล้ว อีกสักพักค่อยพาเขาขึ้นรถไปกับคุณด้วย ส่วนคนที่เหลือทางที่ดีให้ติดเครื่องบินไปยังสนามบินข้างๆ และไปจัดการเรื่องที่พักเอาเอง”
เฟ่ยเจี้ยนจงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีข้อแม้เยอะขนาดนี้ แถมยังเข้มงวดอีกด้วย แต่กระนั้นก็ทำได้เพียงหันไปมองหยวนจื่อซู เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “อาจารย์หยวน สองสามวันนี้คงต้องรบกวนนายให้ไปกับฉันแล้วล่ะ”
หยวนจื่อซูทำท่าซูฮก “คุณท่านเฟ่ยไม่ต้องเกรงใจ มันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”