ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3737
ในขณะที่มหาเศรษฐีแนวหน้าหลั่งไหลเข้ามาในโรงแรมป๋ายจิ่นฮ่านกงอย่างต่อเนื่อง ทางด้านเย่เฉินก็ถูกเซียวชูหรันลากมาที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองจินหลิง
เนื่องจากเธอได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมMaster Classจากโรงเรียนดีไซน์โรดไอแลนด์ เธอจึงเอาแต่คิดในใจว่า ตัวเองติดค้างน้ำใจเคลลี่ เวสท์
วันนี้ที่บริษัทไม่ค่อยยุ่งพอดี เซียวชูหรันจึงลากเย่เฉินมาช็อปปิ้ง ตั้งใจเอาไว้ว่าจะซื้อของขวัญให้เคลลี่ เวสท์
เย่เฉินเอ่ยถามเซียวชูหรันว่า “ที่รัก คุณคิดไว้หรือยังไว่าจะซื้ออะไรให้เธอ?”
เซียวชูหรันพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเอ่ยพูดว่า “ฉันคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะซื้อกระเป๋าถือแอร์แม็สให้เธอน่ะ ก่อนหน้านี้ฉันดูสัมภาษณ์เธอมา เธอบอกว่าชอบแบรนด์แอร์แม็สมากๆ อีกอย่างยังชอบสะสมกระเป๋าด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันเลยอยากทุ่มทุนซื้อให้เธอเพื่อแสดงความจริงใจน่ะ”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “ในเมื่อว่ามาอย่างนี้ เดี๋ยวถ้าถึงร้านแล้วคุณก็เลือกอันที่แพงที่สุดเลยนะ เรื่องเงิน คุณไม่ต้องเป็นห่วง สามีคนนี้มีเยอะ”
เซียวชูหรันเอ่ยพูด “ไม่ต้องหรอกที่รัก ช่วงที่ผ่านมาฉันเก็บเงินได้เยอะพอสมควร ให้ฉันเป็นคนออกเงินเองดีกว่า ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉันก็คงรู้สึกไม่สบายใจแน่ๆ”
เย่เฉินไม่ได้ตื๊อต่อ พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกะกำลังซื้อให้มันดีๆ อย่าซื้อที่มันแพงมากไปล่ะ”
เซียวชูหรันยิ้มหวานออกมา เอ่ยพูดว่า “ฉันดูในเน็ตไว้แล้ว เป็นกระเป๋าแบบแพลตตินัมซีรีส์ และขายดีที่สุดในตอนนี้ ราคาไม่ถือว่าแพงมาก ถ้าไม่เลือกตัวที่ทำมาจากวัตถุดิบหายาก ราคาก็ประมาณแสนกว่าๆ”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ เอ่ยพูดว่า “ราคานี้ใช้ได้เลย”
จากนั้น ทั้งสองก็มาถึงช็อปแอร์แม็ส ในขณะนี้บริเวณหน้าประตูมีคนมายืนต่อแถวประมาณสิบกว่าคนแล้ว
ตามที่พนักงานหน้าร้านบอกมา เป็นเพราะว่ามีลูกค้ามากเกินไป และร้านของพวกเขาก็บริการแบบคนต่อคน พนักงานขายที่มีทั้งหมดในตอนนี้ต่างก็กำลังพาลูกค้าเดินชม ดังนั้นจึงต้องจำกัดจำนวนคนเข้าเอาไว้ข้างนอกก่อน
ทั้งสองยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านไปทั้งหมดครึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รปภ.หน้าประตูก็เอ่ยพูดกับเย่เฉินและเซียวชูหรันที่ต่อแถวอยู่ตรงหน้าสุดว่า “ทั้งสองท่านเชิญครับ พนักงานขายจะให้บริการพวกคุณเดี๋ยวนี้”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ชายหนุ่มวัยละอ่อนใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก็เดินมาทางพวกเขาอย่างว่องไว
เมื่อเผชิญหน้ากัน คนคนนั้นก็เอ่ยแนะนำตัวเองอย่างพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม “สวัสดีครับ ผมชื่อVivian จะมาแนะนำสินค้าให้กับพวกคุณ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านต้องการดูสินค้าตัวไหนครับ?”
เซียวชูหรันเอ่ยพูดอย่างไม่หยุดคิดว่า “สวัสดีค่ะ ฉันอยากซื้อกระเป๋าแพลตตินัมขนาด30เซน ไม่ทราบยังมีสินค้าอยู่ไหมคะ?”
พนักงานพูดกลั้วยิ้มว่า “ฮ่าๆ คุณผู้หญิงคนนี้รสนิยมดีจริงๆ แพลตตินัมซีรีส์ของร้านเราขายดีมาตลอด ลูกค้าที่ลงทะเบียนจองล่วงหน้าก็มีอยู่มาก แต่ว่าจำนวนสินค้าที่เข้ามาในแต่ละสัปดาห์มีน้อยมาก ดังนั้นถ้าคุณอยากได้กระเป๋าไวๆ อาจจะต้องซื้อของในร้านของเราเยอะขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพื่อเพิ่มระดับสมาชิก แบบนี้ก็ยิ่งมีโอกาสถูกสุ่มชื่อ”
เซียวชูหรันฟังมาถึงตรงนี้ ก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าแปลกใจ “ไม่ใช่ว่าต้องซื้อตามเคาน์เตอร์เหรอ?”
พนักงานหุบยิ้มลง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นดูแคลน “นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณลูกค้าซื้อของในช็อปแอร์แม็สใช่ไหมครับ? ในร้านของเรา ไม่มีกระเป๋าตัวไหนซื้อได้ตามเคาน์เตอร์หรอก ส่วนใหญ่ต้องซื้อเครื่องประดับอย่างอื่นร่วมด้วยทั้งนั้น ไม่อย่างนั้น ก็ไม่สามารถขายให้คุณได้”
เซียวชูหรันเพิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยถามว่า “ต้องซื้อเครื่องประดับอย่างอื่นร่วมด้วย? หมายถึงสินค้าในอินเตอร์เน็ตน่ะเหรอ?”
พนักงานเอ่ยพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ใช่ครับ ตอนนี้การซื้อกระเป๋าแอร์แม็ส ก็ใช้กฎนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ตาม”
เซียวชูหรันหยั่งเชิงถามว่า “แล้วถ้าฉันอยากซื้อแพลตตินัม30 ฉันต้องซื้อสินค้าอย่างอื่นอีกเท่าไหร่?”
พนักงานเอ่ยพูดอย่างดูถูก “กระเป๋าแพลตตินัม30ติดอันดับขายดีมาตลอด ต่อให้คุณซื้อสินค้าอย่างอื่นร่วมด้วยก็ใช่ว่าจะได้กระเป๋าเสมอไป แต่แน่นอนว่า ยิ่งคุณซื้อสินค้าอย่างอื่นเยอะเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะได้มันมาครองก็มีเยอะเท่านั้น จะได้หรือไม่ได้มานั้น ก็ต้องดูระดับสมาชิกและสิทธิพิเศษของคุณว่าพอจะแซงมาอยู่แถวหน้าได้หรือเปล่า”
เย่เฉินไม่ชอบอุบายหลอกขายของพนักงานคนนี้เลย นึกย้อนกลับไปตอนที่ภรรยาของตนซื้อแอร์แม็สให้แม่ยาย พนักงานคนก่อนพูดออกมาตรงๆเลยว่าต้องซื้อสินค้าอย่างอื่นร่วมด้วยทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่น แม้ว่าเย่เฉินไม่ชอบวิธีการขายแบบนี้ แต่พอเปรียบเทียบกันแล้ว เขาชอบแบบพูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยพูดกับพนักงานว่า “หยุดอ้อมค้อมได้แล้ว บอกมาเลยดีกว่า ถ้าจะซื้อแพลตตินัม30 ต้องซื้อสินค้าอย่างอื่นร่วมด้วยเท่าไหร่?”