ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3739
ขณะที่พูด เย่เฉินก็ตบหลังมือของเธอไปด้วย เอ่ยพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง”
จากนั้น เย่เฉินก็มองมาที่พนักงานขาย ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้ เห็นแก่ที่เจ้านายของพวกนายกำลังจะมาเป็นลูกค้าของฉัน ฉันก็ควรที่จะอุดหนุนเขาให้ดีๆหน่อย”
เจ้านายที่เย่เฉินพูดถึง คือเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ที่เพิ่งนำแบรนด์เข้ามาเมื่อไม่นานมานี้
เจ้าพ่อแบรนด์เนมคนนี้ ตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์หลากหลายทั่วโลก มีมูลค่าทะลุล้านล้าน
หรือพูดง่ายๆว่า เขาเพิ่งมาถึงเมืองจินหลิงวันนี้ และคนที่จองห้องเพรสซิเด้นท์สูทของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ก็คือเขานั่นเอง
แต่ว่า พนักงานขายกลับไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น เขาคิดว่าคำว่าเจ้านายที่เย่เฉินพูดออกมา คือหัวหน้าในร้าน
เมื่อได้ยินเย่เฉินพูดคำนี้ออกมา เขาก็เดาว่าเย่เฉินน่าจะกำลังขู่ให้กลัว ก่อนหน้านี้เคยเจอมาเยอะเวลาคนมาซื้อของ เอะอะก็บอกว่ารู้จักกับหัวหน้าในร้าน หรือไม่ก็ผู้จัดการสาขา เพียงเพราะอยากกระจายซื้อน้อยๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ที่พูดออกมาแบบนี้ก็มีแต่โกหกทั้งนั้น
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยพูดอย่างไม่แยแสว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ หัวหน้าร้านของเราบอกว่า วิธีพูดชื่อของเขาใช้ไปก็ไม่ได้ผลหรอก นอกเสียจากเขาจะออกมาต้อนรับเอง คุณบอกว่าคุณรู้จักหัวหน้าร้านงั้นเหรอ ให้ผมเรียกเขาออกมาให้ไหม พวกคุณจะได้คุยกันต่อหน้า?”
เย่เฉินฟังจบ ก็หลุดหัวเราะออกมา
ดูเหมือนว่า คนระดับต่ำนี้ ต่อให้พยายามทำตัวเป็นผู้ดีขนาดไหน ก็คงอยู่ได้แค่ในระดับต่ำๆเท่านั้น
ดูอย่างพนักงานขายคนนี้ที่คิดว่าเจ้าหน้าที่เขาพูดถึงหมายถึงหัวหน้าร้านของพวกเขาเอาก็แล้ว แค่นี้ก็พอจะมองออกแล้วว่าโลกแคบจนน่าสงสารขนาดไหน
เย่เฉินโบกมือ แล้วพูดยิ้มๆว่า “ไม่ต้องๆ ฉันไม่ได้หมายถึงหัวหน้าร้านของพวกนาย”
เย่เฉินขี้เกียจพูดอะไรเยอะแยะ จึงสะบัดมือแล้วพูดลอยๆว่า “เอาเป็นว่า ฉันจะกระจายซื้อหนึ่งล้าน เอาทุกอย่างที่ร้านพวกนายขายไม่ออก”
เมื่อพนักงานขายได้ยินที่เย่เฉินพูดว่าจะกระจายซื้อสินค้าหนึ่งล้าน พลันเบิกตาอ้าปากกว้าง เอ่ยถามโดยอัตโนมัติว่า “คุณผู้ชาย คุณคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกใช่ไหม?”
อันที่จริง ขอบเขตการกระจายซื้อของกระเป๋ารุ่นนี้ ไม่เกินสองแสน
ขอแค่ไม่ถูกพนักงานคนอื่นหลอกขาย ต่อให้เป็นลูกหน้าใหม่ที่ไม่เคยซื้อของในร้าน ตราบใดที่กระจายซื้อครบสองแสน ก็สามารถซื้อกระเป๋ามาได้แล้ว
แต่จู่ๆเย่เฉินมาบอกว่าจะกระจายซื้อสินค้าอย่างอื่นด้วยหนึ่งร้าน มันเป็นอะไรที่เกินขอบเขตไปเยอะมาก
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้พนักงานขายพวกนี้จะชอบหลอกขาย ก็ไม่กล้าหลอกขายในราคาที่สูงขาดนี้
เมื่อเย่เฉินเห็นเขายืนอึ้ง ก็พูดยิ้มๆว่า “ฉันไม่มีเวลาว่าง ถึงขนาดพาภรรยามาล้อเล่นที่นี่หรอกนะ ฉันจะกระจายซื้อสินค้าอย่างอื่นหนึ่งล้าน แต่ฉันมีข้อแม้แค่อย่างเดียว นายต้องคิดเงินราคากระเป๋าที่ฉันอยากได้รวมกับสินค้าอย่างอื่นที่ฉันซื้อร่วมด้วย”
พนักงานขายตื่นเต้นขึ้นมาทันที รีบเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “งั้นคุณรอสักครู่ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ก็กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าไปหลังร้าน
ในตอนนี้เอง เซียวชูหรันก็พูดว่า “ที่รัก คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า ราคากระเป๋าไม่กี่แสน แต่กระจายซื้อสินค้าอย่างอื่นตั้งเป็นล้าน…..แบบนี้มัน…..มันแพงเกินไปแล้ว……”
เย่เฉินยิ้มออกมาอย่างลึกลับ เอ่ยพูดว่า “ที่รัก ผมไม่ได้บ้า ก็แค่อยากหาโอกาสดีๆในการหาเงิน คุณไม่ต้องห่วง เงินที่เสียไปกับการกระจายซื้อในวันนี้ ผมเอากลับมาได้ทั้งเงินทุนทั้งกำไรแน่ๆ”
เซียวชูหรันทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจที่เย่เฉินพูดว่าหมายความว่ายังไง
แต่เธอรู้จักการใช้อุบายของเย่เฉินเป็นอย่างดี ในเมื่อเย่เฉินพูดมาแบบนี้แล้ว ก็คงไม่ใช่แค่พูดลอยๆอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอจึงเอ่ยถามเย่เฉินอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่รัก คุณว่าพนักงานขายคนนั้น คงไม่ได้ตั้งใจหลอกขายเราหรอกใช่ไหม?”
เย่เฉินแสยะยิ้ม “ผู้ชายแมนๆไม่มีใครสะดีดสะดิ้งเท่านี้หรอก แถมมชื่อภาษาอังกฤษยังใช้Vivian คุณว่าคนแบบนี้ จะมีความกล้าเท่าไหร่กันเชียว?”