ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3751
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์พยักหน้าด้วยความเศร้า และกล่าวอย่างจำใจว่า “โอเค ผมพูดจาไม่รัดกุมเอง เอาอย่างนี้ บอกราคาและจำนวนเงินที่ผมต้องซื้อพ่วงสินค้า เรื่องนี้ถึงจะจบลงได้”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย มองไปที่จางเอ้อเหมา และถามว่า “เอ้อเหมา คุณยังมีของดีอะไรอีก รีบแนะนำให้คุณอาร์โนลต์”
ปกติจางเอ้อเหมานั้นหลอกลวงคนมามากมาย แต่ตอนนี้ดูการแสดงของเย่เฉินจนเขาทำอะไรไม่ถูก เขาลังเลอยู่นาน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
เย่เฉินส่ายศีรษะด้วยความหงุดหงิด หยิบกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวออกมาจากกอง แล้วถามเขาว่า “จางเอ้อเหมาว นี่อะไร?”
จางเอ้อเหมากล่าวด้วยความอึดอัดว่า “นี่…..นี่…..นี่….. ”
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าเขาขาดความมั่นใจ จึงดุเขาเสียงดังว่า “นี่คือของอะไร? มีความมั่นใจหน่อย พูดออกมาดัง ๆ นี่มันของอะไร?!”
จางเอ้อเหมากัดฟันและกล่าวว่า “เรียนอาจารย์เย่ นี่คือราชลัญจกรจีน!”
“เยี่ยมมาก!” เย่เฉินยกนิ้วโป้งให้เขา แล้วหันไปกล่าวกับเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ว่า“ คุณอาร์โนลต์ เมื่อสักครู่คุณก็ได้ยินแล้ว สิ่งนี้เรียกว่าราชลัญจกรจีน ตามตำนานเล่าขาน จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นคนที่สั่งให้แกะสลัก มันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งของหัวเซี่ยและมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผมคาดว่าถ้าไม่มีเงินสามหรือห้าร้อยล้านนั้นจะไม่สามารถซื้อได้”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เย่เฉินโบกมือและกล่าวอย่างจริงจังว่า “แต่คุณอย่าคิดว่ามันแพงเกินไป เพราะของชั้นนี้มันสามารถเพิ่มมูลค่าได้มาก บางทีมันอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในสองปี เมื่อถึงเวลานั้นผมอาจจะซื้อคืนจากคุณในราคาสองเท่า”
หลังจากนั้น เย่เฉินรีบกล่าวว่า “แน่นอน ผมพูดว่า ‘อาจจะ’ แต่พวกเราไม่ได้สัญญากันไว้ว่าจะซื้อคืน”
หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ เมื่อสักครู่ผมได้บอกแล้วว่าราชลัญจกรจีนเป็นของในตำนาน เนื่องจากมันเป็นตำนาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถแยกแยะระหว่างของจริงกับของปลอมได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่รับรองว่ามันเป็นของจริง”
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ยิ้มอย่างเยือกเย็นและถามเย่เฉินว่า “สุภาพบุรุษท่านนี้…..คุณสามารถหากำไรจากผมได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องดูถูกไอคิวของผมใช่ไหม?”
เย่เฉินกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณพูดอย่างนั้นได้อย่างไร? เมื่อพวกเราทำธุรกรรมซื้อขาย ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ซึ่งเรียกว่าความซื่อสัตย์สุจริต! เนื่องจากผมต้องการขายสิ่งนี้ให้กับคุณ ผมต้องอธิบายสถานการณ์ให้คุณฟังอย่างชัดเจน มิเช่นนั้น ถ้าเกิดข้อพิพาทย่อมไม่เป็นผลดีต่อคุณหรือผม ดังนั้นคุณต้องยอมรับของสิ่งนี้ และยืนยันว่าของชิ้นนี้มีปัญหา? แล้วคุณจะซื้อด้วยความเต็มใจ และไม่เปลี่ยนใจ ผมถึงจะขายของชิ้นนี้ให้คุณได้”
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์สติแตกอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้เขาเข้าใจวิธีการของเย่เฉินแล้ว
เขาไม่เพียงแค่ต้องการขายขยะกองนี้ให้ตนเองด้วยราคาที่สูงมาก แต่เขายังต้องให้ตนเองแสดงความเต็มใจอีกด้วย และกระทั่งให้ตนเองเชื่อว่าของพวกนี้เป็นของจริง เท่ากับละทิ้งสิทธิ์ในการคุ้มครองหลังการขายอย่างสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่เพียงแค่การพยายามหลอกเงินเท่านั้น แต่ยังปัดความรับผิดชอบทั้งหมด?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาถามด้วยความโมโหว่า “เจ้านายของคุณทำธุรกิจอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้เจตนาให้ผมซื้อพ่วงสินค้าเพื่อแก้แค้น ผมสามารถเข้าใจได้ แต่พวกคุณยังต้องการให้ผมซื้อพ่วงสินค้าหลายร้อยล้านเชียวหรือ?! สิ่งที่ไร้เหตุผลกว่านั้นคือสินค้าของพวกคุณเป็นของปลอมทั้งหมด! ร้านของผมนั้นมีเงื่อนไขการซื้อพ่วงสินค้าที่สูงก็จริง แต่ผมไม่เคยขายของปลอม!”
สีหน้าเย่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขายัดราชลัญจกรจีนใส่มือของจางเอ้อเหมาทันทีและกล่าวว่า “จางเอ้อเหมา ในเมื่อชายชราต่างชาติคนนี้ไม่เชื่อว่าสินค้าของพวกเราเป็นของจริง งั้นพวกเราก็ไม่สามารถขายให้เขาได้อีกต่อไปแล้ว คุณรีบเก็บของ พวกเรากลับกันเถอะ!”
สีหน้าของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์เต็มไปด้วยความอึ้ง เขาไม่คิดว่าเย่เฉินดูถูกไอคิวของตนเอง แต่ผลลัพธ์คือผู้ชายคนนี้เป็นคนล้มโต๊ะก่อน
ขณะที่เขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเฉินจื๋อข่ายทันที
เฉินจื๋อข่ายซึ่งรออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรับสายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และทันทีที่เชื่อมสายติด เย่เฉินกล่าวว่า “ผู้จัดการทั่วไปเฉิน ห้อง 016 ปฏิเสธที่จะซื้อพ่วงสินค้า ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเชิญพวกเขาออกไป แล้วให้ตัวสำรองอันดับหนึ่งเข้ามาแทนที่เขา!”