ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3753
เมื่อเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์เห็นสิ่งนี้ เขาอยากจะบ้าตาย
สำหรับเขาแล้ว มันไม่ได้ง่ายเหมือนเป็นการดูถูกไอคิวอีกต่อไปแล้ว?
เย่เฉินตกตะลึง มองไปที่จางเอ้อเหมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
หลังจากนั้น เย่เฉินขยิบตาให้เขา ซึ่งหมายความว่า ผมไม่รู้จะคุยโวโอ้อวดสินค้าสับปะรังเคชิ้นนี้ของคุณแล้ว คุณจัดการคุยโวโอ้อวดเองเถอะ
ถึงแม้จางเอ้อเหมาจะตกใจกับตัวเลขราคาที่สูงเสียดฟ้าที่ออกจากปากเย่เฉินเมื่อสักครู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นนักต้มตุ๋นอยู่ในตลาดของโบราณมาหลายปี เขามีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นเขาจึงปรับตัวเข้ากับกลอุบายเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นเขาจึงยิ้มและรีบกล่าวกับเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ “คุณอาร์โนลต์ ภาพวาดที่ผมแนะนำให้คุณรู้จักในวันนี้ สามารถพูดได้ว่าทำให้โลกแห่งจิตรกรรมตะวันออกและตะวันตกตกตะลึง!”
หลังจากนั้นเขากล่าวต่อไปว่า “ทุกคนรู้ว่าภาพวาดโมนาลิซ่าเป็นผลงานของดาวินชีในปี ค.ศ. 1500 แต่ผมจะบอกคุณว่าภาพวาดนี้ไม่ใช่ภาพต้นฉบับของดาวินชีจริง ๆ ซึ่งภาพวาดนี้วาดโดยจิตรกรยิ่งใหญ่ที่ชื่อจ้าวเมิ่งฝู่เมื่อปลายราชวงศ์ซ่งและต้นราชวงศ์หยวนของหัวเซี่ย”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เขาชี้ภาพวาดที่อยู่ในมือของเย่เฉินและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ซึ่งก็คือภาพวาดที่อยู่ในมือขออาจารย์เย่! และภาพวาดของดาวินชีนั้นวาดมาจากพื้นฐานของภาพนี้ ซึ่งถือเป็นการวาดรอบที่สอง ถ้ากล่าวแบบไม่น่าฟังก็คือเป็นการลอกเลียนแบบ”
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา และกล่าวโพล่งออกมา “เป็นไปได้ไง! ดาวินชีเป็นปรมาจารย์ที่ผมชื่นชมมากที่สุด และภาพวาดโมนาลิซ่าของเขานั้นก็เป็นผลงานชิ้นเอกอีกด้วย จะลอกเลียนแบบได้อย่างไร!”
จางเอ้อเหมากล่าวอย่างจริงจัง “คุณดูสิ นี่สัมผัสจุดบอดทางปัญญาของคุณแล้ว! ผมบอกคุณว่าภาพวาดนี้วาดโดยจ้าวเมิ่งฝู่ภายใต้คำสั่งของฮ่องเต้กุบไล่ข่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์หยวน ช่วงเวลาที่วาดน่าจะเป็นปลายปี ค.ศ. 1275 ซึ่งเร็วกว่าดาวินชีกว่าสองร้อยปี ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าใครลอกเลียนแบบใคร?”
“เหลวไหลสิ้นดี!” เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์กล่าวด้วยความโมโห “เป็นไปไม่ได้! และคุณลองดูว่าผู้หญิงในภาพวาดของคุณนั้นเป็นผู้หญิงชาวตะวันตก! ตอนนั้นจะมีผู้หญิงชาวตะวันตกในหัวเซี่ยได้อย่างไร ? ! โป๊ะแตกขนาดนี้ คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
จางเอ้อเหมาไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก เขายิ้มและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ดังนั้น คุณต้องอดทนและฟังคำแนะนำของผมให้จบ! ในปี ค.ศ. 1275 เหตุการณ์สำคัญที่มีอิทธิพลกว้างขวางเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของโลก คุณรู้หรือไม่ว่ามันคือเรื่องอะไร?”
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์กล่าวด้วยความโมโหว่า “ผมไม่รู้!”
จางเอ้อเหมากล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณอาร์โนลต์ ไม่ใช่ว่าผมว่าคุณน่ะ คุณไม่สามารถเอาแต่หาเงินอย่างเดียว และควรอ่านหนังสือบ้าง จะได้เข้าใจประวัติศาสตร์บ้าง”
หลังจากกล่าวจบ โดยไม่คำนึงว่าเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์จะมีอาการกระอักเลือด เขากล่าวด้วยใบหน้าเหมือนมีความรู้ว่า “ผมจะบอกคุณนะว่า ปี ค.ศ. 1275 นั้นเป็นปีที่มาร์โค โปโลนักเดินทางชาวตะวันตกผู้โด่งดังเดินทางมาถึงหัวเซี่ย!”
หลังจากนั้น จางเอ้อเหมามองไปที่เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์และถามว่า “คุณน่าจะรู้เรื่อง《บันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล》ใช่ไหม?”
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์โมโหจนแทบเป็นบ้า กัดฟันแล้วกล่าวว่า “ผมรู้! แต่มันเกี่ยวอะไรกับโมนาลิซ่า!”
จางเอ้อเหมาส่ายศีรษะและถอนหายใจ “คนที่ไม่รู้อะไรเลย ก็จะไม่มีความกลัวใด ๆ จริง ๆ”
หลังจากกล่าวจบ เขายังคงอธิบายต่อไปว่า “ผมจะบอกคุณว่าตอนนั้นมาร์โค โปโลประสบกับความยากลำบากมากมาย และมาถึงหยวนซ่างตูในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1275 และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฮ่องเต้กุบไล่ข่าน”
“เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก ฮ่องเต้กุบไล่ข่านได้สั่งให้จ้าวเมิ่งฝู่จิตรกรชื่อดังในขณะนั้น แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมของจิตรกรรมจีนให้มาร์โค โปโลและพรรคพวกของเขาได้เห็น”
“และตอนนั้นประจวบเหมาะมีสาวใช้อยู่ข้างมาร์โค โปโลชื่อโมนาลิซ่า!”
“จ้าวเมิ่งฝู่จึงใช้สาวใช้คนนี้เป็นนางแบบในการวาถภาพนี้!”
“การวาดภาพทั้งหมดใช้เวลาครึ่งปี ตั้งแต่ฤดูร้อนปี ค.ศ. 1275 ถึงฤดูหนาวปี ค.ศ. 1275”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จางเอ้อเหมาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ตอนนั้น ฮ่องเต้กุบไล่ข่านได้มอบภาพวาดนี้ให้กับมาร์โค โปโล และมาร์โค โปโลนั้นถือว่าภาพนี้เป็นสมบัติล้ำค่าและเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา จนกระทั่งเขานำมันกลับไปที่ทิศตะวันตก แต่น่าเสียดายหลังจากที่มาร์โค โปโลกลับมาถึงตะวันตก ต่อมาเนื่องจากเขาถูกคุมขังเพราะความไม่สงบ และภาพวาดก็หายไปในความโกลาหล”
“สองร้อยปีต่อมา ภาพวาดนี้ตกไปอยู่ในมือของดาวินชี หลังจากดาวินชีดูภาพวาดนี้แล้วก็เกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก หลังจากเลียนแบบทั้งวันทั้งคืนมาเป็นเวลากว่าสิบปี เขาได้วาดภาพโมนาลิซ่าเวอร์ชันที่ทุกคนรู้จัก!”
“และหลังจากวาดภาพเสร็จแล้ว เขาก็มอบภาพวาดโมนาลิซ่าที่จ้าวเมิ่งฝู่เป็นคนวาดให้คนรับใช้ไปเผา แต่คนรับใช้ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผลงานชิ้นเอกดังกล่าวสาบสูญ ดังนั้นเขาจึงแอบมอบให้ญาติของตนเองอย่างเงียบ ๆ จึงทำให้ภาพวาดอยู่จนถึงปัจจุบัน!”