ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3771
หลังจากที่ล่ายชิงหวาเข้าพักอาศัยอยู่ในอาคารอำนวยการแล้ว เขากำลังรอเย่เฉินติดต่อตนเอง
การมาเมืองจินหลิงคราวนี้ เขารู้ว่าตนเองไม่มีความสามารถทางการเงินที่จะแข่งขันกับเศรษฐีชั้นนำเหล่านี้ได้ ดังนั้นจุดประสงค์เดียวของการมาที่เมืองจินหลิงในคราวนี้คือมาพบเย่เฉิน
ดังนั้น เมื่อเฉินจื๋อข่ายติดต่อมา เขากล่าวโดยไม่ลังเลว่า “โปรดบอกคุณเย่ว่าผมรอคอยเขาด้วยความเคารพอยู่เสมอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เฉินก็ไม่รอช้า ขอให้เฉินจื๋อข่ายพาเขาไปที่อาคารอำนวยการ แล้วไปที่ห้องของล่ายชิงหวาโดยตรง
ทันทีที่พวกเขาพบกัน เย่เฉินกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านล่าย พวกเราพบกันอีกแล้ว”
ล่ายชิงหวารีบประสานมือทำความเคารพ พร้อมโค้งคำนับ และกล่าวด้วยความเคารพว่า “คุณชายเย่ ผมขอคารวะ!”
เย่เฉินรีบยื่นมือออกไปประคองเขา และกล่าวว่า “ท่านล่าย เกรงใจมากเกินไปแล้ว ผมจะรับการคารวะจากคุณได้อย่างไร!”
ล่ายชิงหวากล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณชายเย่ ดวงชะตาเกิดของคุณสูงกว่าผม แล้วคุณยังมีบุญคุณกับผมอีกด้วย ผมพบคุณแล้วทำความเคารพนั้นมันเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”
หลังจากนั้น เขารีบกล่าวกับเย่เฉินว่า “คุณชายเย่ เชิญเข้ามาสนทนาข้างในเถอะ!”
เย่เฉินพยักหน้า หันไปมองเฉินจื๋อข่ายและกล่าวว่า “เหล่าเฉิน ผมมีเรื่องต้องคุยกับท่านล่าย คุณกลับไปก่อน”
เฉินจื๋อข่ายกล่าวด้วยความเคารพ “ครับ คุณชาย”
หลังจากนั้น เขากล่าวกับล่ายชิงหวาว่า “ท่านล่าย ผมขอตัวก่อน”
ล่ายชิงหวากล่าวว่า “คุณเฉิน เดินทางดี ๆ”
หลังจากเฉินจื๋อข่ายออกไปแล้ว เย่เฉินเดินเข้าไปในห้องกับล่ายชิงหวา
เป็นห้องพักสุดหรูที่มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร และเพียงแค่ห้องรับแขกอย่างเดียวก็มีพื้นที่เกือบ 100 ตารางเมตรแล้ว
ขณะนี้ บนโต๊ะมีชุดชาสีม่วงตั้งอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีกระถางธูปที่ทำจากทองสัมฤทธิ์อีกด้วย
ล่ายชิงหวาเชิญเย่เฉินนั่งบนโซฟา ในขณะที่เขาต้มน้ำเพื่อเตรียมชา หลังจากนั้นเขาหยิบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา แล้วใช้มีดสีเงินขูดผงบนไม้เล็กน้อย
หลังจากนั้น เขาก็หยิบชุดเครื่องมือทองแดงอันวิจิตรงดงามออกมา แล้วใช้เถ้าธูปอัดลงในกระถางธูป จากนั้นจึงเทผงที่ขูดจากไม้ลงบนเถ้าธูป แล้วใช้เครื่องมือกดให้เป็นรูปทรงดอกบัว
เย่เฉินรู้จักของชุดนี้ นี่คือเถ้าธูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
คนส่วนใหญ่ที่ชอบเครื่องหอม จะซื้อภาชนะใส่ธูปหอมหรือธูปหอม แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการกดเถ้าธูปด้วยตัวเอง
ที่ใช้ดับกลิ่นส่วนใหญ่เป็นไม้กฤษณาหรือไม้จันทน์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการนำของเหลือทิ้งมาใช้เสีย และต้นทุนจะไม่สูงเกินไป
แต่ล่ายชิงหวาใช้ไม้กฤษณาชิ้นใหญ่ ซึ่งทำให้เย่เฉินประหลาดใจ
เนื่องจากราคาไม้กฤษณาชิ้นใหญ่ในท้องตลาดนั้นแพงมาก ถ้าคิดราคาตามน้ำหนักกรัมจะแพงกว่าทองคำมาก
ถ้าไม้กฤษณาชิ้นนี้แกะสลักเป็นรูปพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ หรือพระนางตารา อย่างน้อยก็สามารถขายได้หลายแสน
ขณะนี้ ล่ายชิงหวาจุดเถ้าธูปที่ถูกกดเป็นรูปดอกบัวด้วยไม้ขีด และกล่าวกับเย่เฉินด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์เย่ คุณไม่รังเกียจกลิ่นของไม้กฤษณาใช่ไหม?
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย มองควันสีน้ำเงินที่ลอยขึ้นไปกลางอากาศ และขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้กฤษณาที่ติดไฟ ทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก และกล่าวว่า “ท่านล่าย ช่างมีรสนิยมจริง ๆ ตอนที่ผมยังเป็นเด็กและอาศัยอยู่กับแม่ ผมเคยได้กลิ่นเถ้าธูปแบบนี้ ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลานปีแล้ว ตอนนี้ได้กลิ่นของมันอีกครั้ง จารึกลงในความทรงจำไปนิรันดร์”
ล่ายชิงหวาพยักหน้าและกล่าวอย่างจริงจัง “แม่ของคุณมีชื่อเสียงมากในสหรัฐอเมริกา ว่ากันว่าเมื่อตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอพยายามส่งเสริมวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมในสหรัฐอเมริกา มีสตรีผู้สูงศักดิ์ชนชั้นสูงหลายคนในสหรัฐอเมริกาภูมิใจที่ได้ทำตามแบบอย่างของเธอ ผมชื่นชอบเถ้าธูปมานานหลายปีแล้ว และราคาของไม้กฤษณาในอเมริกาก็ทรงตัวมานานหลายทศวรรษ จนกระทั่งเถ้าธูปของแม่คุณเป็นที่ต้องการของชนชั้นสูง ส่งผลทำให้ราคาของไม้กฤษณาในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นห้าเท่าตัวในเวลาหนึ่งปี”