ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3846
ทันทีที่เย่เฉินพูดคำเหล่านี้ออกมา เฟ่ยเข่อซินและเฟ่ยเจี้ยนจงก็ตกตะลึงอ้าปากค้างจนพูดไม่ออกเลย
คำพูดที่ธรรมดาของเย่เฉิน ในหูของสองปู่หลาน กลับระเบิดดังตูม ราวกับฟ้าร้อง
สองปู่หลานไม่เคยคิดฝันว่า ที่ภายนอกลือกันว่าตระกูลเย่ได้แบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้สำนักว่านหลง เพื่อแลกกับความเมตตาของว่านพั่วจวินประมุขสำนักว่านหลง แต่สถานการณ์ที่แท้จริง กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง!
ไม่เพียงแต่ตระกูลเย่ไม่ได้ยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับสำนักว่านหลง แต่เย่เฉินยังเอาทั้งสำนักว่านหลงมาอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาด้วย!
นี่คือกลุ่มทหารรับจ้างที่มีผู้คนนับหมื่น!
แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างดังกล่าว จะไม่สามารถเทียบกับกองทัพวอชิงตันได้ แต่ขนาดและประสิทธิภาพการต่อสู้ของกลุ่มนี้ ไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลเฟ่ยสามารถเทียบได้
สมองของเฟ่ยเข่อซินยังไม่ทันตอบสนอง แต่เฟ่ยเจี้ยนจงกลับกระจ่างทันที และโพล่งออกมาว่า:”มิน่าล่ะ……มิน่าล่ะในตอนที่เข้างาน อาจารย์หยวนเคยเกิดความสงสัย บอกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกือบทั้งหมดในที่นี่ เป็นยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ ผลการฝึกฝนที่ต่ำที่สุดก็คือนักบู๊สามดาวเช่นกัน และสูงขึ้นมาหน่อยก็มีนักบู๊ห้าดาวไม่กี่คน ยอดฝีมือมากมาย แม้แต่ศิษย์ในสำนักของเขาก็ยังเทียบไม่ได้ คิดว่าคนพวกนี้คงเป็นคนของสำนักว่านหลงแน่นอน….”
เย่เฉินพยักหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมาและได้ใจว่า:”ใช่ คราวนี้รปภ. ของงานประมูลทั้งหมดเป็นทหารของสำนักว่านหลง อาจารย์หยวนที่คุณพูดถึง คงจะเป็นคนที่ตามหลังคุณตลอดเมื่อกี้สินะ? ผลการฝึกฝนของเขานั้นดีมาก เขาถึงระดับของนักบู๊เจ็ดดาวแล้ว ถ้าอยู่ในสำนักว่านหลง ก็คือระดับราชันสงครามแล้ว”
เฟ่ยเจี้ยนจงมองเย่เฉินอย่างสยองขวัญ และพึมพำว่า:”คุณชายเย่……คุณรู้ได้ไง ว่าอาจารย์หยวนเป็นนักบู๊เจ็ดดาว? !”
อันที่จริง ในตอนที่ถามคำถามนี้ ในใจเฟ่ยเจี้ยนจงก็มีคำตอบอยู่แล้ว
ทำไมเย่เฉินถึงรู้ผลการฝึกฝนของหยวนจื่อซู?
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือผมการฝึกฝนของเขาอยู่เหนือกว่าหยวนจื่อซูมาก!
เฟ่ยเข่อซินตกใจมาก ตอนนี้เธอรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเมื่อเธอเทียบกับเย่เฉินแล้ว ระดับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
ในเวลานี้ เย่เฉินยิ้มและไม่พูดอะไร หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ถึงยิ้มพูดนิ่งๆว่า:”ไม่เช่นนั้น คุณเฟ่ยคิดว่า ผมเย่เฉินใช้อะไรมาพิชิตสำนักว่านหลงล่ะ? เป็นเพราะความหล่อ?”
เฟ่ยเข่อซินที่ตะลึงอยู่ หลังจากที่ได้ยินเย่เฉินพูดแบบนี้ ก็ใจพังไปเลยทันที
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ แล้วรีบหุบปากอย่างชาญฉลาด
แต่ก็เพราะหัวเราะเบาๆ นี่แหละ ที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงมากทันที
ทันใดนั้น เฟ่ยเจี้ยนจงก็เข้าใจแล้วว่า ลั่วเจียเฉิงที่ก่อนหน้าเคยปกป้องเฟ่ยเข่อซินมาตลอด ได้หายตัวไปในจินหลิง ต้องเป็นเพราะการกระทำของเย่เฉินแน่นอน
และหยวนจื่อซูเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่สามารถทำให้ลั่วเจียเฉิงหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ ต้องเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือแน่นอน และเกรงว่าเขาได้ฝ่าแดนมืดไปตั้งนานแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เย่เฉินต้องเป็นยอดฝีมือแห่งแดนมืดแน่นอน
มิฉะนั้น เขาไม่มีทางที่จะเก็บสำนักว่านหลงมาอยู่ภายใต้คำสั่งของเขา!
เมื่อคิดเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย ดวงตาของเขาที่มองเย่เฉินเต็มไปด้วยความกลัว คำนับเย่เฉินอย่างเคารพ และกล่าวอย่างจริงใจว่า:”คุณชายเย่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็ก อนาคตตระกูลเย่จะต้องก้าวไกลแน่นอน”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย ดูเวลาแล้วพูดว่า:”คุณท่านเฟ่ย ดึกมากแล้ว ท่านและคุณเฟ่ยต้องออกเดินทางแล้วครับ”
พูดจบ เย่เฉินมองไปหาเฟ่ยเข่อซิน และพูดอย่างจริงจังว่า:”คุณเฟ่ย ผมจะแจ้งว่านพั่วจวิน ว่าหลังจากที่พวกคุณถึงตะวันออกกลางแล้วต้องต้อนรับอย่างดี แต่ว่ายังไงซะก็คือไปตะวันออกกลาง สภาพคงค่อนข้างยากลำบาก ยังต้องขอให้คุณและคุณท่านเฟ่ยเอาชนะมันให้ได้”
เฟ่ยเข่อซินรู้ดี แม้ว่าเย่เฉินจะสามารถช่วยให้ปู่ทวงอำนาจกลับมาได้ แต่ตนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขอให้เขาช่วยเลย
ตอนนี้เย่เฉินเต็มใจที่จะช่วยชีวิตปู่และชีวิตของเธอเอง มันถือว่าเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ดังนั้นเธอจึงพูดสะอื้นด้วยความซาบซึ้งว่า:”ขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณเย่เฉิน เข่อซินจะไม่มีวันลืมมันเลย!”
เย่เฉินโบกมือ และพูดต่อ:”ตะวันออกกลางยาวไกล คุณพาคุณท่านเฟ่ยไปที่โรงพยาบาลก่อน แล้วผมจะให้คนเตรียมอาหารและของใช้ประจำวัน เอาขึ้นเรื่องให้พวกคุณล่วงหน้า”
เฟ่ยเข่อซินร้องไห้ไป พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าไป และพูดสะอื้นว่า:”ขอบคุณค่ะคุณชายเย่…… ขอบคุณค่ะ!”
เย่เฉินยิ้มเบา ๆ และมองไปที่เฟ่ยเจี้ยนจงอีกครั้ง พูดว่า:”คุณท่านเฟ่ย ต่อไปคงต้องให้คุณต้องร่วมมือด้วยครับ”