ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3858 โอกาสที่หมุนเวียนมาถึง
ในเวลานี้ เฟ่ยเข่อซินมองไปที่ปู่ของตนที่กำลังเศร้าโศกอยู่บ้างและพูดว่า “คุณปู่ เรื่องของคุณลุงใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว คุณจะต้องคิดให้ตกสักหน่อย อย่าได้เจ็บป่วยจากภาวะซึมเศร้า”
เฟ่ยเจี้ยนจงหัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า “เข่อซินเอ่ย เป็นเพราะฉันถึงได้พลอยลำบากทำให้เธอต้องคุณหนีไปตะวันออกกลางด้วยกัน ในฐานะคุณปู่ ฉันละอายใจอน่างยิ่ง หากเมื่อครู่ฉันตายไปแล้ว สำหรับเธอและสำหรับอาจารย์หยวนถือเป็นการหลุดพ้นแบบหนึ่ง ลุงใหญ่ของเธอคงไม่จำเป็นต้องทำให้เธอต้องลำบาก…”
พูดไป เฟ่ยเจี้ยนจงก็เอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่นว่า: “ตอนนี้ พวกเธอทั้งสองหนีเอาชีวิตรอดไปกับฉันด้วย หากเขาหาพวกเธอไม่เจอ เขาจะต้องโกรธแค้นแน่ เป็นฉันที่ทำให้พวกเธอลำบาก…”
เฟ่ยเข่อซินรีบพูด “คุณปู่ คุณอย่าได้คิดอย่างนั้นเป็นอันขาด หากคุณจากไปจริงๆ ลุงใหญ่ไม่มีทางให้ตระกูลของเราได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่”
เฟ่ยเจี้ยนจงถอนหายใจและกล่าวอย่างเสียใจ “ล้วนบอกกันว่าผู้สืบทอดตระกูลต้องเป็นทายาทสายตรงไม่ใช่คนนอก แต่หากฉันมองเห็นถึงความดื้อรั้นของลูกคนนี้เร็วกว่านี้สักหน่อย ฉันจะไม่มีทางให้เขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอย่างแน่นอน นี่ถือเป็นความเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน!”
พูดจบก็ถอนหายใจ “เข่อซิน ในอนาคตเธอจะต้องหาทางกระชับความสัมพันธ์กับคุณชายเย่ท่านนั้นเอาไว้บ้าง ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันได้ทิ้งพินัยกรรมไว้ให้เธอและแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้สืบทอดตระกูล ถึงตอนนั้นเธอจงไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายเย่ ขอแค่เธอนำตระกูลเฟ่ยกลับคืนมาได้ เธอก็จะเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ยในอนาคต!”
เฟ่ยเข่อซินยิ้มอย่างอ่อนใจและพูดว่า “คุณปู่ คุณชายเย่เองก็น่าจะไม่คิดนิ่งดูดายเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่จัดการให้พวกเราหลบเลี่ยงไปที่ตะวันออกกลางหรอก”
“ใช่…” เฟ่ยเจี้ยนจงก็ถอนหายใจเช่นกัน: “บางทีเขาอาจคิดว่าเงื่อนไขที่ฉันเสนอไปไม่น่าดึงดูดพอ ทรัพย์สิน 20% ของตระกูลเฟ่ย ในสายตาของเขาคงน้อยไป”
ขณะพูด จู่ๆดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันใด เขามองไปที่เฟ่ยเข่อซินและถามว่า “เข่อซิน คุณชายเย่ท่านนั้นเหมาะกับการแต่งงานหรือไม่? ถ้าเขาเต็มใจที่จะช่วย ฉันจะมอบสินสอดทองหมั้นของตระกูลเฟ่ยให้เขาทั้งหมด เขาคงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม?” ”
เฟ่ยเข่อซินตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจความหมายในคำพูดของปู่อย่างรวดเร็ว เธอเอ่ยพูดด้วยความอายอยู่บ้าง “คุณปู่ คุณพูดอะไรน่ะ…คุณชายเย่เขาแต่งงานไปตั้งนานแล้ว”
“แต่งงานแล้ว?” เฟ่ยเจี้ยนจงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “เขาแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลไหนกัน?”
เฟ่ยเข่อซินเอ่ย “ภรรยาของเขาเป็นคนตระกูลเซียวในจินหลิง แต่ตระกูลเซียวก็เป็นเพียงตระกูลตกอับในจินหลิงเท่านั้น ทรัพย์สินของทั้งตระกูลตอนที่สูงที่สุดก็มีแค่ร้อยกว่าล้านอีกทั้งยังเป็นสกุลเงินหยวน แต่ตอนนี้พวกเขาล้มละลายไปแล้ว”
เฟ่ยเจี้ยนจงสีหน้าตกใจและโพล่งออกมา “นี่… เป็นไปได้อย่างไร? คุณชายตระกูลเย่อันใหญ่โต หลานชายของตระกูลอาน จะแต่งงานกับผู้หญิงจากตระกูลที่ยากจนได้อย่างไร?”
เฟ่ยเข่อซินเอ่ย “หนูเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเย่เฉินไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนกับภรรยาของเขา อีกทั้ง ตระกูลของภรรยาเขาก็ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเช่นกัน พวกเขาคิดมาตลอดว่าตนได้แต่งเขยเด็กกำพร้าเข้าไปในตระกูล”
เฟ่ยเจี้ยนจงครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดว่า “เรื่องของสามีภรรยากลับมีความลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ซ่อนอยู่ เห็นทีรากฐานทางอารมณ์ของพวกเขาคงยังไม่แข็งแรงมากพอ ไม่ช้าก็เร็วคงจะต้องหย่ากันแน่”
เฟ่ยเข่อซินเอ่ยอย่างอึดอัด “เรื่องนี้หนูก็ไม่ทราบแล้ว…”
เฟ่ยเจี้ยนจงถอนหายใจเบา ๆ และพูดกับเฟ่ยเข่อซินว่า “เข่อซิน ตระกูลเฟ่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก หากไม่มีกำลังภายนอกที่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าไปแทรกแซง ตำแหน่งของลุงใหญ่ของเธอก็จะไม่มีทางสั่นคลอน เมื่อฉันตายไป เขาจะต้องไม่ยอมเมตตาเธอแน่ คุณชายเย่ คือโอกาสเดียวที่เธอจะพลิกสถานการณ์กลับ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฟ่ยเจี้ยนจงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ในความเห็นของเขา เย่เฉินไม่เพียงแต่เป็นโอกาสเดียวของเฟ่ยเข่อซินที่จะพลิกสถานการณ์ แต่ยังเป็นโอกาสเดียวของเขาด้วยเช่นกัน