ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3859 การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ยาอายุวัฒนะของเย่เฉินให้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้รับแต่ครึ่งเม็ด ตนเองก็สามารถอยู่ได้นานขึ้นไปอีกหลายวัน
หากเฟ่ยเข่อซินสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับเย่เฉินได้จริงๆ ทั้งปู่หลานก็จะได้รับโอกาสในการพลิกสถานการณ์
ไม่ใช่ว่าเฟยเจี้ยนจงมีใจเห็นแก่ประโยชน์ แต่เมื่อคนเรามาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้ เขาย่อมไม่ต้องการที่จะยอมรับชะตาของตน ขอแค่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ เขาก็จะถือว่าการหาโอกาสพลิกฟื้นขึ้นมาเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
เฟ่ยเข่อซินเองก็รู้ความจริงข้อนี้เช่นกัน
คนฉลาดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก สิ่งแรกที่นึกถึง ไม่ใช่การนั่งโทษตัวเอง ไม่ใช่การหมดอาลัยตายอยาก แต่เป็นการหาหนทางทำลายสถานการณ์ที่ยากลำบากออกไปต่างหาก
เฟ่ยเข่อซินก็ดีอย่างยิ่งว่า หลังจากที่ปู่ถูกลุงใหญ่ยึดอำนาจไป ตนก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถ้าวันนี้เธอไม่ไปตะวันออกกลางกับปู่ อย่างนั้นลุงใหญ่ก็จะต้องถามตัวเองว่าปู่ไปไหน และมโนธรรมขั้นสุดท้ายของเธอก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองขายปู่ของตนเพื่อผลประโยชน์
ตอนนี้เธอไปตะวันออกกลางกับปู่ก็ถือว่าเป็นการขี่หลังเสือยากที่จะลงแล้วเช่นกัน
ในเมื่อไปตะวันออกกลางแล้ว อย่างนั้นในสายตาของลุงใหญ่เธอก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและเป็นศัตรูของเขา
ตอนนี้เขาหาตนเองไม่เจอ ตนก็ยังพออยู่กับมันได้ แต่ถ้าปู่เสียชีวิตในอีกหนึ่งหรือสองปีหลังจากนั้นล่ะ ตนจะทำยังไง?
จะหลบหนีซ่อนตัวต่อไป หรือว่ากลับไปที่สหรัฐอเมริกาโดยตรงพร้อมกับศพของคุณปู่?
อย่างแรกนั้นช่างขี้ขลาดอย่างมากจนเธอย่อมไม่อยากที่จะเลือก แต่อย่างหลังก็ช่างเสี่ยงจนน่าประหลาดใจ และมีแนวโน้มว่าหากตนไปถึงสหรัฐอเมริกาเมื่อไหร่เธอก็จะถูกควบคุมโดยลุงใหญ่ทันทีที่
ดังนั้น เฟ่ยเข่อซินรู้สึกว่าอนาคตของตนก็มืดมนเช่นกัน
ในสถานการณ์แบบนี้ วิธีเดียวที่เธอคิดได้เพื่อทำลายเกมนี้ก็คือ เย่เฉิน
น่าเสียดายที่เย่เฉินไม่ได้มีความคิดที่จะช่วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ท่านปู่ ตอนนี้พูดเรื่องนี้ไปก็ไร้ความหมายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคุณชายเย่ที่แต่งงานแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงาน แต่ตัวหนูอยู่ตะวันออกกลาง ก็ยากที่จะมีโอกาสได้พบเขาอยู่ดี”
เฟ่ยเจี้ยนจงเองก็รู้สึกผิดหวังและพูดว่า “เฮ้อ! ไปตะวันออกกลาง ไม่รู้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ฉันจะได้จากไปหรือเปล่า…”
ในขณะนี้ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ศูนย์กลางทางการเงินที่ทุกตารางนิ้วคือทองอย่างแมนฮัตตัน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเช้า
ในห้องประชุมชั้นบนสุดของตึกระฟ้าที่มีหลายสิบชั้น ชายชราวัยเจ็ดสิบคนหนึ่งกำลังตะโกนใส่คนเจ็ดหรือแปดคน
เขาตะโกนถามอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันแม่งไม่เข้าใจ ทำไมคนคนหนึ่งที่อยู่ดีๆพอถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลถึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! พวกแกมันล้วนเป็นพวกไม่ได้ความ! ขยะ!”
คนที่พูดคือเฟ่ยซานไห่ ลูกชายคนโตของเฟ่ยเจี้ยนจง
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว เขาเพิ่งจะบอกข่าวการขึ้นครองบัลลังก์ของตัวเองให้กับพ่อของตนทางโทรศัพท์ อีกทั้งยังใช้คำพูดยั่วยุมากมายเพื่อให้เฟ่ยเจี้ยนจงได้รับการกระตุ้นมากขึ้นและทำให้ร่างกายที่แต่เดิมไม่แน่นอนอยู่แล้วของเขาล้มลงไปโดยเร็วที่สุด
จากความเข้าใจที่เขามีต่อพ่อของตน สายนี้จะต้องทำให้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมหาศาลและอาจถึงขั้นเอาชีวิตเชาได้โดยตรง
ดังนั้น เฟ่ยซานไห่จึงให้ตนไปดูทุกการเคลื่อนไหวในจินหลิง
อีกทั้งในการประมูลวันนี้ เขาก็ได้ส่งสายลับไปด้วย
หลังจากการประมูลจบลง สายลับของเขาก็กลับมาที่ห้องและรายงานข่าวให้เขาทราบทันที หลังจากรู้ว่ายาอายุวัฒนะสามารถช่วยฟื้นคืนชีพได้ เฟยซานไห่ก็ดีใจมากที่ตนตัดสินใจแย่งชิงบัลลังก์นี้
นั่นเพราะหากพ่อของเขาประสบความสำเร็จในการประมูลยาอายุวัฒนะ คาดว่าเขาคงจะยังมีชีวิตอยู่อีกอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบปี
หากเป็นอย่างนั้น เกรงว่าพ่อของเขาจะต้องเล่นงานเขาให้ตายแน่
นอกจากนี้ คนของงานประมูลยังบอกเช่นกันว่า พ่อของเขาป่วยหนักมากและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาอย่างฉุกเฉินแล้ว ดังนั้นเฟ่ยซานไห่จึงจัดให้สายสืบในจินหลิงให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของพ่อเขาในทันที
เขาอยากรู้ว่าพ่อของตนนั้นตายแล้วหรือว่าได้รับการช่วยเหลือเอาไว้
หากได้รับการช่วยเหลือไว้ทัน เขาอยากรู้ว่าสภาพร่างกายของพ่อจะอยู่ได้นานแค่ไหน
สำหรับเขาแล้ว ถึงตนจะแย่งชิงบัลลังก์มาได้ แต่ในใจก็ยังมีความกังวลและความไม่สบายใจอยู่เสมอ
ถ้าคิดจะหลับให้สบายหลังจากวันนี้ไป อย่างนั้นก็ต้องรอให้พ่อของเขาตายไปก่อน แล้วทุกอย่างถึงจะคลี่คลาย
ตราบใดที่พ่อของเขายังไม่ตาย เขาก็จะไม่มีวันได้อยู่อย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าลูกน้องที่อยู่ในจินหลิงของเขาก็รีบส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงขีดสุด โดยบอกว่าพ่อของตนหายตัวไปจากโรงพยาบาลกลางจินหลิงแล้ว!