ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3861 อาหารว่างยามดึก
เมื่อเวลาผ่านไป เฟ่ยเข่อซินก็ได้กลายเป็นเป้าหมายสาธารณะของตระกูลนี้ไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนที่คุณท่านเฟ่ยยังอยู่ ทุกคนล้วนเก็บซ่อนความไม่พอใจนี้ลงลึกในก้นบึ้งของหัวใจได้ แต่เมื่อคุณท่านเฟ่ยสูญเสียอำนาจไป พันธนาการความไม่พอใจในใจเพียงหนึ่งเดียวของทุกคนก็สลายไป
เฟ่ยซานไห่เองก็รู้สึกว่า เฟ่ยเข่อซินจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
คุณท่านเฟ่ยอยู่ได้อีกไม่นาน แต่เฟ่ยเข่อซินเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าเท่านั้น
นอกจากนี้ ตอนนี้เธอเป็นคนเดียวในตระกูลเฟ่ยที่อยู่ข้างกายคุณท่ายเฟ่ย
หากคุณท่านเฟ่ยหมดกำลังใจ จากนั้นก็ทิ้งพินัยกรรมมอบตระกูลเฟ่ยให้เธอเป็นผู้สืบทอดขึ้นมา อย่างนั้นก็เป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆแล้ว
นั่นเพราะถึงแม้เฟ่ยซานไห่จะประสบความสำเร็จในการเป็นประธานคณะกรรมการผ่านการใช้แผนฉุกเฉินสูงสุด แต่ก็มีเพียงการใช้วิธีทางกฎหมายที่ถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้นเขาถึงจะได้มาซึ่งอำนาจในการควบคุมตระกูลเฟ่ย
ตราบใดที่คุณท่านเฟ่ยยังมีชีวิตอยู่ หุ้นและทรัพย์สินก็จะยังคงอยู่ใต้ชื่อของเขา
หากชายชราต้องการมอบหุ้นและทรัพย์สินเหล่านี้ให้กับเฟ่ยเข่อซิน อย่างนั้นเฟ่ยเข่อซินก็จะเป็นผู้สืบทอดที่สมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย
หากเฟ่ยเข่อซินนำพินัยกรรมกลับมาจริงๆ ถึงตอนนั้นตนเองก็จะถูกเล่นงานแล้ว
ดังนั้น เฟ่ยซานไห่ที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าและกล่าวว่า “หาพวกเขาให้เจอ จากนั้นก็จัดการพวกเขาทั้งหมด! นำยอดฝีมือไปหลายคนหน่อย รวมถึงหยวนจื่อซูนั่นก็อย่าเว้นเอาไว้!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟ่ยซานไห่ก็มองไปที่ลูกชายของเขาเฟ่ยเสวปิง จากนั้นก็เอ่ยกำชับ “เสวปิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ติดตามตระกูลน้องหกอย่างใกล้ชิด จำกัดไม่ให้พวกเขาออกไปนอกประเทศ หากวันไหนเข่อซินยัยนั่นกลับมาแล้วจริงๆ เราก็ยังมีวิธีรับมือฉุกเฉินเพิ่มขึ้นอีกทาง!”
ในขณะนี้ ณ โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว แต่เย่เฉินกลับยังไม่ได้จากไปในทันที
เดิมทีเขาเตรียมยาอายุวัฒนะทั้งเม็ดเอาไว้สำหรับแขกวีไอพีทั้งสามคนในคืนนี้ ครึ่งเม็ดมอบให้คุณปู่เย่โจงฉวน และอีกครึ่งหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เขาเตรียมจะมอบมันให้กับท่านล่าย ล่ายชิงหวาและควีนแห่งยุโรปเหนือหลังการประชุม
การประมูลสามารถดึงดูดคนรวยจำนวนมากในยุโรปและอเมริกา นี่ต้องขอบคุณทั้งสองคนที่ให้ความช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์
ดังนั้น เย่เฉินจึงเตรียมงานเลี้ยงง่าย ๆ ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงเอาไว้เป็นพิเศษ จากนั้นก็เชิญทั้งสามคนมาทานอาหารว่างยามดึก
เย่โจงฉวนและล่ายชิงหวาเดิมทีก็รู้จักกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคุยกันอย่างออกรสที่โต๊ะอาหารค่ำ ในขณะที่อลิเซีย อีเลียด ควีนแห่งยุโรปเหนือเห็นได้ชัดว่าดูอึดอัดอยู่บ้าง
แม้ว่าเธอจะเคยเป็นควีนของประเทศ แต่ตอนนี้เธอก็สละราชสมบัติไปแล้วและสูญเสียออร่าของควีนไปแล้ว
อีกทั้งในการประมูลคืนนี้ ความมั่นใจในตนเองของเธอถูกบรรดาเศรษฐีพวกนั้นที่เสนอราคาอย่างบ้าคลั่งทำเอาลดถอยลงไปไม่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คนที่เข้าทางประตูหลังอย่างเธอย่อมมีมูลค่าความมั่งคั่งต่ำที่สุดในบรรดาผู้คนสองร้อยกว่าคนอย่างแน่นอน
และวันนี้เย่เฉินก็ทำเงินได้มากกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านจากการขายยาอายุวัฒนะ แถมยังเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ดังนั้นตอนนี้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ เธอจึงรู้สึกทั้งปลาบปลื้มและไม่สบายใจไปพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินซึ่งทำเงินได้มากกว่าหนึ่งแสนล้านกลับยังมีท่าทีถ่อมตนดังเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม
เขาเทไวน์ให้ทั้งสามคนด้วยตนเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นยกแก้วของตนและกล่าวอย่างสุภาพว่า “วันนี้ขอบคุณทั้งสามท่านที่มาร่วมงานและสนับสนุนผู้เยาว์ ผมขอดื่มเคารพให้คุณทั้งสามคนด้วยไวน์แก้วนี้!”
ทั้งสามคนเองก็ต้องการลุกขึ้นยืนเช่นกัน แต่เย่เฉินรีบพูด “ทั้งสามท่านโปรดนั่งลงเถอะครับ ไวน์แก้วนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสจากผู้เยาว์ ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ”
ล่ายชิงหวารีบพูด “คุณชายเย่ กระผมคือดวงชะตาหม่าง…”
ทันทีที่เย่เฉินก็รู้ทันทีว่าเขาคิดจะพูดเคลื่อนดวงชะตาเกิดอีกครั้งก็รีบขัดจังหวะเขาและเอ่ยว่า “ท่านล่าย เรื่องดวงชะตาเกิดนั้นพวกเราไม่พูดกันบนโต๊ะอาหารนี้ ต่อให้ผมไม่รู้จักคุณ หากเจอบนรถเมล์ก็ยังต้องลุกขึ้นให้คุณนั่งอยู่ดีครับ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจผมขนาดนี้”
เย่โจงฉวนที่นานๆถึงจะได้รับการแสดงความเคารพจากเย่เฉินเห็นดังนั้นจึงรีบกล่อมล่ายชิงหวา “ท่านล่าย คุณแค่นั่งลงเถอะ อย่าได้ทำให้เฉินเอ๋อลำบากใจเลย”
ล่ายชิงหวาถึงค่อยพยักหน้า และประสานมือเอ่ยว่า “คุณชายเย่ อย่างนั้นผมได้แต่ต้องเสียมารยาทแล้ว!”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆและมองดูควีนเฒ่าข้างๆตน ตอนนี้ควีนเฒ่ายิ่งประหม่ามากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกว่าเธอจะนั่งก็ไม่ได้ยืนก็ไม่ถูก ขาของเธอออกแรงเล็กน้อย ก้นอยู่ห่างจากเก้าอี้เพียงเล็กน้อย ลักษณะกึ่งยืนครึ่งนั่งดูซึ่งทำให้เธอดูแก่ขึ้นไปอีก
เย่เฉินรีบพูด “ท่านผู้หญิงอีเลียด คุณเองก็ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ รีบนั่งลงเถอะครับ”