ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3864 พึ่งพาตนเองดีกว่าผู้อื่น
หลังอาหารเย็น เย่เฉินส่งทั้งสามกลับไปที่อาคารเอ็กเซ็กคูทีฟและพูดกับเย่โจงฉวนว่า “คุณปู่ ผมมีเรื่องอยากขอคำแนะนำจากคุณสักหน่อย ผมไปคุยที่ห้องคุณสักหน่อยแล้วกันนะครับ”
“ได้เลย!” เย่โจงฉวนตอบรับอย่างยินดี จากนั้นก็บอกลาคนอีกสองคนและพาเย่เฉินไปที่ห้องที่เขาอาศัยอยู่
ปู่หลานสองคนนั่งตรงข้ามกันบนโซฟา เย่เฉินถามเขาว่า “คุณปู่ คุณรู้จักหมายเลข 99 ที่ถูกไล่ออกจากงานประมูลในวันนี้หรือไม่ครับ?”
เย่โจงฉวนเอ่ย “ไม่รู้จัก เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เย่โจงฉวนมีภาพจำเกี่ยวกับชายผู้นี้อย่างแม่นยำ นั่นเพราะคนๆนั้นแค่เปิดปากก็เอ่ยมูลค่าสามแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนี่ทำเอาเขาตกใจไม่เบา
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน
ในเวลานี้เองเย่เฉินก็ถามเขา “ผมถามคนอื่นๆ พวกเขาบอกว่าคนคนนั้นก็คือน้าชายใหญ่ของผม อานโฉงชิว”
“อานโฉงชิว? เป็นเขาหรอกหรือ…” เย่โจงฉวนเบิกตากว้างและตกใจจนพูดไม่ออกเป็นเวลานานกว่าจะได้สติกลับมา
เย่เฉินเอ่ยปากถาม “คุณไม่รู้จักเขาหรือ?”
เย่โจงฉวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลฝั่งตาของนายในตอนนั้นค่อนข้างไม่พอใจตระกูลเย่ของเรา ตอนที่แม่ของนายแต่งงานมา ไม่มีแม้แต่คนในตระกูลของเธอมาด้วย ฉันไม่เคยพบน้าชายเหล่านั้นของนายมาก่อน มีเพียงแค่เห็นน้าชายคนรองของนาย :black”อานข่ายเฟิง ที่การประชุมสุดยอดผู้นำในสวีเดนเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นเขาอยู่บนเวที ส่วนฉันอยู่ข้างล่างและเห็นเขาจากไกลๆเท่านั้น ต่อมาฉันคิดจะเข้าไปทำความสนิทสนมกับเขาและเยี่ยมเยือนเขาสักหน่อยแต่ผลก็คือเขายังคงไม่อยากเจอฉัน”
เย่เฉินหัวเราะและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ตระกูลอานจะมองไม่เห็นหัวตระกูลเย่จริงๆ”
เย่โจงฉวนเยาะเย้ยตัวเอง “เขามองไม่เห็นหัวฉัน แต่ตอนนั้นเขาบอกแล้ว คนในตระกูลเย่ เขายอมรับแค่นายเพียงคนเดียวเท่านั้น”
พูดไป เย่โจงฉวนก็เอ่ยถามอีกว่า “ใช่สิ น้าชายใหญ่ของนายมาที่งานประมูลและคิดจะเอายาอายุวัฒนะกลับไป ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะเอาไปให้ใครกันแน่ เป็นตาหรือยายของนาย?”
“ผมเองก็ไม่รู้แน่ชัด” เย่เฉินเอ่ย “ฉันยังไม่ได้ติดต่อกับเขามาก่อน ไม่รู้ว่าเขาซื้อยาอายุวัฒนะไปให้ใคร”
เย่โจงฉวนเอ่ย “เฉินเอ๋อ ฉันคิดว่านายควรติดต่อตาของนายสักหน่อย นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”
จากนั้นเขาก็ยังเสริมอีกว่า “เพียงแต่หากนายต้องการติดต่อ ทางที่ดีนายควรเริ่มต้นจากตาของนายหรือน้ารองของนายก่อน เท่าที่ฉันรู้ คนในตระกูลอานรุ่นนี้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงก็คือน้ารองของนายอานข่ายเฟิง หลังจากที่แม่ของนายออกจากตระกูลอานมา น้ารองของนายก็เข้ารับธุรกิจหลายอย่างของตระกูลอานอีกทั้งยังทำได้ดีไม่เลว ตาของนายได้กำหนดให้น้ารองของนายเป็นผู้สืบทอดตระกูลอานไว้ตั้งนานแล้ว”
เย่เฉินส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดที่จะพบกับพวกเขา ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะครับ”
เย่โจงฉวนเอ่ยปาก “ตระกูลอานเป็นหนึ่งในสามตระกูลชั้นนำของโลก หากได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคตของนาย”
เย่เฉินเอ่ยเรียบๆ “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้ผมยังไม่คิดจะรู้จักพวกเขา ต่อให้วันหนึ่งผมรู้สึกพวกเขาแล้ว ผมก็จะไม่ให้พวกเขามาสนับสนุนการพัฒนาของผม ผลประโยชน์อยู่ต่อหน้า ญาติมิตรก็ไม่แน่ว่าอาจไว้ใจได้ เรื่องแบบนี้พึ่งพาตนเองดีกว่าพึ่งพาผู้อื่น”
พูดไป เย่เฉินก็นึกอะไรบางอย่างได้และพูดว่า “ใช่สิคุณปู่ น้าชายใหญ่ของผมยังอยู่ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ผมคิดว่าถ้าเขายังต้องการยาอายุวัฒนะ เขาจะต้องหาวิธีติดต่อคุณแน่ ถ้าเขามาพบคุณ ได้โปรดอย่าบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของผม”
เย่โจงฉวนพยักหน้าและถามว่า “แล้วถ้าเขาขอให้ฉันช่วยซื้อยาอายุวัฒนะล่ะ? ฉันควรจะตอบกลับยังไง?”
เย่เฉินเอ่ย “ง่ายมาก คุณสามารถถามเขาก่อนว่าทำไมเขาถึงอยากซื้อยาอายุวัฒนะ จากนั้นก็รับปากกับเขาว่าจะช่วยเขาสอบถามเรื่องนี้ จากนั้นก็ปล่อยเรื่องนี้ไป หากเขาไม่มาถามคุณ คุณก็ไม่ต้องตอบกลับ แต่ถ้าเขามาถามคุณ คุณก็แค่บอกว่ายังไม่มีความคืบหน้า ถ่วงเวลาเขาไปเรื่อยๆก็พอแล้ว”