ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3868 รายได้จากการประมูล
อานโฉงชิวจำได้ว่าในตอนแรกนั้นเย่โจงฉวนคิดอยากจะรีบร่วมมือกับตระกูลอานมากขึ้นมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่เขายื่นข้อเสนอที่ดีมาก็ถึงคุณท่านปฏิเสธไปโดยไม่ลังเล คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ตนเองที่เป็นตัวแทนตระกูลอานยื่นข้อเสนอออกไปให้เย่โจงฉวน แต่เย่โจงฉวนกลับไม่รับมัน
ขณะที่เขาคิดว่าเย่โจงฉวนกำลังทำกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับกับเขา และคิดจะเปลี่ยนวิธีพูดใหม่นั้นเอง เย่เฉินก็ส่งสัญญาณให้เย่โจงฉวน วางสายลง ดังนั้นเย่โจงฉวนจึงพูดกับอานโฉงชิวทันทีว่า “อานโฉงชิว ฉันมีธุระนิดหน่อย พวกเราค่อยคุยกันวันอื่นแล้วกันนะ”
พูดจบ เขาก็วางสายไปโดยไม่รอให้อานโฉงชิวตอบกลับ
อานโฉงชิวที่ปลายสายถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าคนที่วางสายอย่างหยาบคายใส่เขาแบบนี้ ยกเว้นคุณท่านแล้วยังไม่เคยมีใครอีก
ขณะที่เขากำลังโกรธและลังเลตัดสินใจไม่ถูกอยู่บ้างในเวลาเดียวกันนั้น เย่โจงฉวนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เก็บโทรศัพท์มือถือของเขากลับเข้าไปในกระเป๋าและพูดกับเย่เฉินว่า “ตระกูลอานช่างหยิ่งยโสจนเคยตัวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าฉันเป็นญาติเกี่ยวดองจนๆและรหลีกเลี่ยงอย่างรังเกียจ มาตอนนี้ขอให้ฉันช่วยเหลือ แต่ในกระดูกก็ยังคงยิ่งยโสไม่เปลี่ยนแปลง”
เย่เฉินเอ่ยเรียบๆ “น้าชายใหญ่ขงผมคนนี้ตะโกนในงานว่าต้องการซื้อยาอายุวัฒนะกลับไปด้วยเงินสามแสนเจ็ดหมื่นล้านดอลลาร์ นี่ก็พอเห็นได้แล้วว่าพวกเขาหยิ่งจริงๆ หยิ่งมากจนไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่คนอื่นกำหนดอยู่ในสายตา คิดเพียงแค่ว่าตราบใดที่มีเงินมากเพียงพอ กฎเกณฑ์ใด ๆ ก็ล้วนสามารถเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเขา”
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ยิ้มน้อยๆและพูดอย่างสบายๆ “ไม่เป็นไร ในเมื่อพวกเขายังคิดว่าตัวเองใจดีอยู่ อย่างนั้นก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
จากนั้นเย่เฉินก็เอ่ยอีกว่า “ใช่สิคุณปู่ อีกสองวันผมจะไปสหรัฐอเมริกาสักหน่อย อาจต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนกว่าจะกลับมา ทางด้านเรื่องของตรุกูลแย่ จะต้องลำบากคุณช่วยจัดการกับสิ่งต่าง ๆ
เย่โจงฉวนถามด้วยความสงสัย “เฉินเอ๋อ ทำไมจู่ๆ นายถึงได้คิดไปสหรัฐอเมริกาล่ะ? คงไม่ใช่คิดจะไปดูตระกูลอานหรอกนะ?”
เย่เฉินส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จะไปได้อย่างไร ผมแค่ไปอบรมเป็นเพื่อนชูหรัน”
เย่โจงฉวนพยักหน้าและพูดว่า “ได้ นายไม่ต้องกังวลเรื่องตระกูลเย่ สำหรับเรื่องน้าชายของนาย ยังไงฉันก็ไม่รีบไปหาเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาคิดจะมาหาฉัน ฉันก็จะไม่เจอเขา”
“ครับ” เย่เฉินยืนขึ้นและพูดว่า “คุณปู่ ดึกแล้ว คุณพักผ่อนเช้าหน่อย ผมเองก็สมควรกลับบ้านแล้ว คุณจะกลับไปเย่นจิงเมื่อไหร่ ผมจะไปส่งคุณที่สนามบิน”
เย่โจงฉวนเอ่ย “ไม่ต้องไปมาให้ลำบากหรอก คนแก่อายุปูนนี้อย่างฉันนอนน้อย ตีห้าก็ตื่นขึ้นมาเองแล้ว ตื่นนอนแล้วฉันจะหาอะไรกิน จากนั้นก็ให้เสี่ยวเฉินไปส่งฉันที่สนามบิน นายไม่ต้องมาส่งฉันเป็นพิเศษหรอก”
เย่เฉินมาคิดดูและรู้สึกว่าการไปสนามบินตอนห้าหกโมงเช้าออกจะเช้าไปจริงๆ ดังนั้นจึงพยักหน้าและพูดว่า “คุณปู่ ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ไปส่งคุณแล้ว รอให้ผมกลับมาจากอเมริกา ฉันจะไปหาคุณที่เย่นจิง”
……
วันถัดมา
ผู้เข้าร่วมประมูลส่วนใหญ่ได้กลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมาพร้อมกับตำนานของยาอายุวัฒนะ
แม้ว่าอานโฉงชิวจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงไปแล้ว แต่เขายังไม่ได้ออกจากจินหลิงในทันที แต่ยังวางแผนที่จะหาโอกาสเจอกับซ่งหวั่นถิงอีกสักครั้ง
และบังเอิญเช่นกันที่วันนี้เย่เฉินก็ไปซ่งซื่อกรุ๊ปในตอนเช้าตรู่ เขาต้องการพบกับซ่งหวั่นถิงสักหน่อยเพื่อพูดคุยกับเรื่องหลังการประมูล
เมื่อเธอมาที่ห้องทำงานของซ่งหวั่นถิง ซ่งหวั่นถิงก็ได้ยื่นเอกสารที่เตรียมไว้ให้เย่เฉินและพูดกับเขาว่า “อาจารย์เย่ ในการประมูลเมื่อวาน ในส่วนของการประมูลยาอายุวัฒนะ มีรายได้จากการประมูลสุทธิอยู่ที่ หนึ่งแสนสี่หมื่นแปดพันล้านดอลลาร์และยังมีอีกสองหมื่นแปดพันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นการผ่อนชำระของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์”
“ถัดมาคือยันต์ขลังที่คุณสร้างสี่อัน ซึ่งมีมูลค่าประมูลรวมห้าร้อยสามสิบล้านดอลลาร์”
“และอันสุดท้ายก็คือของสะสมของเราที่ถูกปล่อยออกไปซึ่งมีมูลค่ารวมสามร้อยหกสิบห้าล้านดอลลาร์”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซ่งหวั่นถิงก็พูดอย่างอึกอักอยู่บ้าง “อาจารย์เย่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทรัพยากรของจี๋ชิ่งถังยังคงขาดแคลนอยู่บ้างในด้านงานศิลปะทั่วไป ของดีที่สุดที่หาได้พวกเราล้วนได้นำออกมาหมดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับงานประมูลชั้นนำอย่างSotheby’sและChristie’s ก็ยังมีช่องว่างอยู่ขนาดใหญ่ ดังนั้นมูลค่าการซื้อขายจึงไม่ถือสูงเท่าไหร่…”