ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3900 ฆาตกรรม
กัวเหล่ยจากไป และหลี่เสี่ยวเฟินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เย่เฉินถามเธอว่า “เสี่ยวเฟิน กัวเหล่ยคนนี้มารังควานคุณเป็นประจำเลยเหรอ?”
หลี่เสี่ยวเฟินยักไหล่ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ไอ้คนนั้น เป็นเสือยิ้มผู้โด่งดังอยู่ในไชน่าทาวน์ คุณอย่าดูว่าเวลาที่เขาพูดนั้นมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และสุภาพกับทุกคน แต่จริงๆ แล้วในไขกระดูกเขาเลวทรามกว่าใครๆ อีกด้วยซ้ำ”
เย่เฉินขมวดคิ้ว และถามว่า “สามารถพูดให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหม?”
“อันนี้…..” หลี่เสี่ยวเฟินเหลือบมองไปทางโกดัง แล้วกระซิบด้วยเสียงเบาว่า “ไว้มีโอกาสค่อยบอกคุณช้าๆ ดีกว่า”
ทันทีที่คำพูดจบลง คลอเดียก็ได้เดินออกมาแล้ว เธอมองไปที่เย่เฉิน และพูดอย่างจริงจังว่า “กัวเหล่ยทำธุรกิจกลโกงทางโทรศัพท์ในประเทศจีน หลังจากเกิดเรื่องขึ้นถึงหนีมาที่แคนาดา และมาเพิ่งพาแม่ของฉัน…….”
“คุณปู่ของกัวเหล่ย เป็นพี่น้องกันกับยายฉัน ทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ระหว่างกันอยู่บ้าง และกัวเหล่ยก็เป็นลูกคนเดียวในครอบครัว แม่ของเขากลัวว่าเขาจะถูกจับและถูกส่งตัวเข้าคุก จึงมาขอร้องแม่ฉ้นให้รับเขาไว้ หลังจากนั้นแม่ก็จัดให้เขาเป็นคนขับรถติดตามพ่อของฉัน……..”
“เมื่อสามเดือนที่แล้ว กัวเหล่ยและรองผู้บัญชาการของบริษัทเกลี้ยกล่อมพ่อของฉันให้ร่วมมือกับแก๊งอเมริกัน แต่พ่อของฉันไม่เห็นด้วย”
“เมื่อสองเดือนก่อน มีคนจุดไฟเผาบ้านของฉัน ทั้งครอบครัวของฉันมีห้าคน มีเพียงฉันคนเดียวที่โชคดีรอดชีวิตมาได้……..”
“ตั้งแต่นั้นมา รองผู้บัญชาการของบริษัทก็รับช่วงต่อจากพ่อของฉัน และกัวเหล่ยก็เลยกลายเป็นคนดังอยู่ภายใต้อำนาจของเขา………”
เย่เฉินถามเธอว่า “มีหลักฐานแสดงได้ไหมว่าพวกเขาเป็นคนจุดไฟ?”
“ไม่มีเลย” คลอเดียพูดอย่างหนักแน่น ด้วยดวงตาที่เป็นสีแดง “ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่พวกเขาก็ต้องเป็นคนทำอย่างแน่นอน”
เย่เฉินถามอีกครั้งว่า “ทางด้านตำรวจพูดอย่างไรบ้างเหรอ?”
คลอเดียเม้มปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ตำรวจแวนคูเวอร์กล่าวว่าเพลิงไหม้เกิดจากอุบัติเหตุ พวกเขาบอกว่าหนูกัดสายไฟในห้องใต้ดิน เลยทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และไฟได้จุดเผาวัตถุไวไฟที่อยู่ในห้องใต้ดิน วัตถุไวไฟที่พวกเขาพูดถึงนั้น ก็คือน้ำมันเบนซินห้าสิบแกลลอน และครอบครัวของเราไม่เคยมีน้ำมันเบนซินอยู่ในห้องใต้ดินมาก่อนเลย…….”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ คลอเดียถึงกับสำลักและพูดว่า “อีกอย่าง กัวเหล่ยนัดกับแม่ของฉันล่วงหน้าเป็นหนึ่งสัปดาห์ และเขาจะมาทานข้าวที่บ้านฉันในคืนที่เกิดไฟไหม้ ในวันนั้นเขาได้นำไวน์แดงสองขวดและเครื่องดื่มที่น้องชายฉันดื่มได้ เพราะฉันไม่ค่อยชอบเขามาโดยตลอด คืนนั้นก็เลยไม่ได้ทานข้าวอยู่ที่บ้าน และหลังจากทานอาหารมื้อนั้นเสร็จ ก็ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในคืนนั้น…….”
คลอเดียปาดน้ำตา แล้วพูดต่อไปว่า “ในตอนที่เกิดไฟไหม้ขึ้น ฉันก็รีบไปที่ห้องนอนพ่อแม่เป็นอันดับแรก ตอนนั้น ฉันก็พบว่าพ่อแม่ของฉันไม่มีลมหายใจแล้ว ทันทีหลังจากนั้นฉันก็ไปที่ห้องนองของน้องชายสองคน พวกเขาก็ไม่มีลมหายใจและหัวใจก็หยุดเต้นแล้วเหมือนกัน……..”
หลี่เสี่ยวเฟินตกตะลึง และพูดโพล่งออกมาว่า “ถ้า…….ถ้าอย่างนั้นก็พูดได้ว่า……พ่อแม่ของคุณและน้องชายทั้งสองคนของคุณ ไม่ได้เสียชีวิตในกองไฟ! มันคือการฆาตกรรมชัดๆ ทำไมตำรวจไม่ได้สอบสวนเรื่องนี้งั้นหรือ?”
คลอเดียส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดว่า “ผลที่ตำรวจประกาศคือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หลังจากที่ฉันหนีออกจากที่เกิดเหตุในเวลานั้น และหาที่หลบซ่อน ในช่วงหลายวันที่ฉันซ่อนตัวอยู่ คือกัวเหล่ยเป็นผู้ลงนามบนหนังสือยินยอมฌาปนกิจในฐานะสมาชิกครอบครัว จากนั้นก็ได้ทำการฌาปนกิจพ่อแม่และน้องชายอีกสองคนไปเลย ในเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่อีกเลย”
หลี่เสี่ยวเฟินพูดโดยจิตสำนึกว่า “คุณควรไปแจ้งตำรวจและฟ้องร้องพวกเขาในข้อหาฆาตกรรม บอกเหตุการณ์เหล่านี้ให้ตำรวจ และให้ตำรวจจับกุมตัวพวกเขาทั้งหมด!”
ในเวลานี้เย่เฉินพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวเฟิน เหตุผลที่คลอเดียยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะว่าเธอไม่ได้บอกเหตุการณ์เหล่านี้ให้ตำรวจ”
“ใช่……” คลอเดียพยักหน้าเบาๆ และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พวกเขาคิดว่าฉันรอดชีวิตจากไฟไหม้โดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ว่า อันที่จริงตอนที่เกิดเพลิงไหม้ ฉันก็ได้พบว่าพ่อแม่ของฉันและน้องชายได้เสียชีวิตไปแล้ว…….”