ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3915 ขายหน้าอย่างนั้นไม่ไหว
พวกเขาเห็นว่ากัวเหล่ยมาต่างก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็ทักทายอย่างเคารพ
กัวเหล่ยสะบัดผมอย่างพอใจ แล้วเดินส่ายผ่านเข้าไป
ห้องด้านในนั้นมีบันไดเส้นทางหนึ่งลงสู่ชั้นใต้ดิน
กัวเหล่ยชี้บันได แล้วพูดยิ้มๆว่า “คาสิโนอยู่ที่ด้านล่างแห่งนี้”
เมื่อพวกเย่เฉินทั้งสามคนเดินตามเขาลงไปชั้นใต้ดินแล้ว ก็พบว่าด้านในเป็นสถานที่แตกต่างออกไป
เมื่อลงจากบันได ก็เป็นห้องโถงใหญ่ประมาณร้อยห้าหกสิบตารางเมตร ด้านในมีโต๊ะพนันต่างๆวางอยู่
ตรงหน้าของทุกโต๊ะพนัน ล้วนมีคนแจกไพ่ที่แจกไพ่โดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกโต๊ะพนันจะมีลูกค้า
เย่เฉินกวาดมองดู พบว่าที่นี่ไม่ได้ถือว่าธุรกิจดีเท่าไหร่นัก มีโต๊ะพนันกว่าครึ่งหนึ่งที่ไม่มีลูกค้า ส่วนโต๊ะพนันอื่นๆ อย่างน้อยที่สุดมีเพียงแค่คนเดียว และอย่างมากที่สุดก็มีแค่สามถึงห้าคนเท่านั้น
ฉะนั้นเย่เฉินจึงขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างมีอารมณ์ไม่พอใจว่า “ที่นี่ของนาย ทำไมถึงมีคนน้อยอย่างนี้?”
กัวเหล่ยได้ยินประโยคนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย
ช่วงนี้ธุรกิจคาสิโนยิ่งอยู่ยิ่งแย่ คนก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลงจริงๆ
แต่ว่า ต่อหน้าเย่เฉินเขาก็ไม่สามารถแสดงสิ่งน่าอายออกมาให้เห็นได้ ฉะนั้นจึงยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “พวกเรามาเร็วไปหน่อย ลูกค้าส่วนมากมักจะชอบมาตอนดึกๆกัน”
เย่เฉินพูดอย่างไม่มีการปิดบังว่า “ฉันไปเล่นคาสิโนมาทั่วโลกมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าประเทศไหน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคาสิโนล้วนเป็นเวลาสองทุ่มถึงเที่ยงคืน ที่นายนี่มันสามทุ่มกว่าแล้วยังไม่มีลูกค้าอีก เห็นได้ชัดเลยว่าธุรกิจไม่ดีนี่นา”
พูดแล้วเย่เฉินก็ส่ายหัวบ่นว่า “แถอะไรกัน คาสิโนที่ธุรกิจดีเวลานี้นั่งจนเต็มโต๊ะกันไปนานแล้ว แต่ที่นายเนี่ยสิ ฉันดูแล้วลูกน้องที่นั่งเฝ้ายามยังเยอะกว่าลูกค้ามากเลยเชียว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กัวเหล่ยก็ยิ่งอับอาย
เขาเห็นว่าเย่เฉินถือเงินอยู่หลายแสน ดังนั้นจึงกลัวว่าจู่ๆเย่เฉินจะมาบอกว่าไม่เล่นแล้ว อย่างนั้นคืนนี้ก็ยุ่งไปซะเสียเปล่า
ถึงเขาจะอวดเก่งมากแค่ไหน ก็ไม่กล้าฆ่าคนชิงทรัพย์ในคาสิโน เพราะถ้าหากลือกันออกไป ต่อไปคาสิโนแห่งนี้ก็ไม่ต้องทำกันต่อแล้ว
ฉะนั้น เขาจึงพูดกับเย่เฉินว่า “น้องชาย ไม่ปิดบังนายเลยนะ ที่พวกเรานี้ส่วนหลักบริการลูกค้าที่มีมูลค่าสุทธิสูงเท่านั้น ไม่เหมือนกับคาสิโนของแก๊งอื่น ที่ใครหน้าไหนก็ไม่รู้ต่างก็ปล่อยเข้าไป สิ่งนี้ก็เพื่อให้บรรยากาศเงียบสงบสบายแก่ลูกค้าที่มีมูลค่าสุทธิสูง”
พูดแล้ว กัวเหล่ยก็พูดด้วยสีหน้าเยินยอว่า “น้องชาย นายมาแต่ไกล ไม่เพียงแต่เป็นญาติของเสี่ยวเฟิน แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมชาติกันด้วย สำหรับฉันแล้วก็คือลูกค้า VIP คืนนี้ฉันลงมาบริการด้วยตัวเองเลย รับประกันว่านายเล่นที่นี่ได้อย่างสนุก และพอใจแน่นอน!”
ตามด้วย กัวเหล่ยเรียกลูกน้องคนหนึ่งมา ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “ไป ไปเอาชิปจำนวนหนึ่งหมื่นบาทมาให้คุณชายท่านนี้ จดใส่บัญชีของฉัน”
พูดจบ เขาก็ยิ้มแย้มพูดกับเย่เฉินว่า “น้องชาย ฉันล้วงกระเป๋าเองเลย ให้ชิปกับนายหนึ่งหมื่นเล่นดูก่อน ลองมือสักหน่อย!”
สำหรับคาสิโนแล้ว ชิปที่ให้ไปในตอนแรกก็คือการล่อเหยื่อ พวกเขามีหมื่นกว่าวิธีที่จะชนะชิปที่ให้ไปก่อนหน้านี้คืนมา จากนั้นก็ค่อยหลอกล่อให้ลูกค้าล้วงเงินของตัวเองออกมาเล่น
เวลานี้เย่เฉินยิ้มออกมาแล้ว และพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “ฉันเย่เฉินคนนี้พนันตั้งแต่เหนือลงใต้ เล่นตั้งแต่ตะวันออกยันตะวันตก ถึงแม้จะแพ้เยอะชนะน้อย แต่ก็ยังไม่เคยเอาชิปของคนอื่นมาลงเล่น ขายหน้าอย่างนั้นไม่ไหว!”
พูดจบ เขาก็หยิบเงินสดออกมาจากถุงสิบปึก แล้วก็โยนใส่อ้อมแขนของกัวเหล่ย พูดนิ่งๆว่า “ไป แลกชิปมาให้ฉันก่อนหนึ่งแสน”
เผชิญหน้ากับเงินสดหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดาที่จู่ๆก็โยนมาใส่ กัวเหล่ยจับไว้อย่างยากลำบาก กว่าจะจัดเรียงถือเงินหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดาไว้ได้อย่างแน่นหนา
วินาทีนี้ เขามีความรู้สึกถึงความอัปยศที่ถูกเย่เฉินสั่งไปสั่งมา อดที่จะแอบด่าในใจไม่ได้ว่า “แม่งเอ้ย ไอ้หนูเหี้ยนี้อวดดีจริงๆเลย กูไม่ใช่ลูกน้องในคาสิโนสักหน่อย แต่มึงแม่งกล้าสั่งให้กูไปแลกชิปให้มึงเนี่ยนะ?”