ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3928 เรือลำนี้เป็นของนายแล้ว
เย่เฉินในตอนนี้ แพ้จนตาแดงไปหมดแล้ว รู้สึกแค่อยากจะพนันต่อไป แม้ว่าไพ่จะแย่ยังไง ก็เอาแต่เสียเงินเข้าไปไม่หยุด และปากก็เอาแต่บนไม่หยุดว่า “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะซวยขนาดนี้!”
ไม่นาน เขาก็แพ้ชิปไปทั้งหมดสิบสี่ล้านแล้ว
ในตอนที่เขาไม่มีชิปเหลืออีกครั้ง เขาไม่รอให้อังเดรพูดอะไร ก็รีบพูดกับกัวเหล่ยว่า “ไป ไปเอามาให้กูอีกสองล้าน!”
ในเวลานี้อังเดรหัวเราะพูดว่า “คุณเย่ คุณติดหนี้ผมสิบสี่ล้านแล้วนะครับ”
พูดแล้วเขาก็เอาเอกสารขึ้นมากองหนึ่ง พูดนิ่งๆว่า “เรือลำนี้ของคุณจำนองที่ผมได้แค่สิบห้าล้าน ดังนั้นตอนนี้อย่างมากคุณเหลือยอดอยู่เพียงแค่หนึ่งล้านเท่านั้นครับ”
เย่เฉินพูดอย่างรำคาญว่า “งั้นก็รีบไปเอาชิปมาให้กูหนึ่งล้าน!คืนนี้กูจะพลิกดวงชะตาให้ได้!”
อังเดรพูดยิ้มๆ “เอาชิปหนึ่งล้านไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ แต่ว่าผมต้องเตือนคุณหน่อยนะครับคุณเย่ ถ้าหากว่าหนึ่งล้านนี้ก็แพ้จนหมด คุณก็จะไม่มีให้เสียอีกแล้วนะครับ”
เย่เฉินพูดเสียงเย็นชา “อย่ามาพูดไร้สาระให้มาก กูพลิกดวงได้แน่นอน!รีบไปเอาชิปมาเดี๋ยวนี้!”
อังเดรพยักหน้า “ดี!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็ให้คุณอีกหนึ่งล้าน!”
กับเหล่ยไม่รีรอ รีบไปเอาชิปมาอีกหนึ่งล้านยื่นให้กับเย่เฉิน
ครั้งนี้ เย่เฉินเองก็เหมือนว่าจะรำคาญแล้ว เมื่อเขาได้ไพ่ที่ดูใหญ่มาแล้ว ก็เอาทั้งหนึ่งล้านวางเดิมพันลงไป
สุดท้าย อังเดรชนะอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลานี้ อังเดรลุกขึ้นยืน ถือเอกสารพวกนั้นไว้ พูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ คุณแพ้ไปสิบห้าล้านแล้ว ตอนนี้มีเพียงสองทางเลือก ไม่เลือกโอนกรรมสิทธิ์เรือลำนี้ให้ผม ก็คืนทั้งต้นและดอกให้ผมจำนวนสิบหกล้านห้าแสนห้าหมื่น ถ้าหากว่าเกินคืนพรุ่งนี้ ทุกๆวันจะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหนึ่งแสนหกหมื่นห้าพัน คุณคิดจะเลือกอะไรดีครับ?”
เย่เฉินถอนหายใจยาว เหมือนกับว่ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว จึงพูดเสียงนิ่งว่า “ฉันเลือกอย่างแรกแล้วกัน เรือลำนี้เป็นของนายแล้ว”
อังเดรพยักหน้าอย่างพอใจ พูดยิ้มๆว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไว้ผมจะให้ทนายเตรียมเอกสารสัญญา หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ก็รบกวนคุณเย่พักผ่อนที่นี่สักคืน พรุ่งนี้หลังจากฟ้าสว่างแล้ว พวกเราไปท่าเรือเพื่อไปดูเรือด้วยกัน จากนั้นก็ดำเนินขั้นตอนโอนกรรมสิทธิ์นะครับ”
เย่เฉินมองดูเวลา เป็นเวลาเที่ยงคืนของเวลาท้องถิ่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากพูดว่า “เรือลำนี้เวลาตีสองก็จะเริ่มเดินทางกลับหัวเซี่ยแล้ว ถ้าหากว่านายอยากได้เรือลำนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือไปขวางไว้ในตอนนี้ซะ”
“อะไรนะ?!”
อังเดรได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ก็ร้อนรนจนลุกขึ้นยืน แล้วพูดออกไปว่า “นายมั่นใจว่าตีสองก็จะเดินเรือกลับหัวเซี่ยแล้ว?!”
เย่เฉินเอ่ยปากพูดว่า “ฉันมาซื้อเรือลำนี้ก็เพื่อเอากลับหัวเซี่ย คงจะไม่ซื้อแล้วจอดที่ไว้ที่ท่าเรือแวนคูเวอร์หรอกมั้ง?”
พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า “ให้ฉันโทรไปบอกกับกัปตันเรือหน่อยมั้ย ให้เขาอย่าเพิ่งเริ่มเดินเรือ?”
เวลานี้อังเดรจะกล้าให้เย่เฉินโทรออกไปได้ยังไง?
ถ้าหากว่าเย่เฉินโทรออกไปบอกให้อีกฝ่ายโทรแจ้งตำรวจ กลลวงของตัวเองก็จัดการได้ยากแล้ว
ยังไงซะเย่เฉินก็เป็นคนต่างชาติ แล้วยังไม่ใช่แขกลักลอบเข้าเมืองหรือผู้อพยพผิดกฎหมายด้วย ตัวเองหลอกลวงเงินเขามากขนาดนี้ ถ้าหากเรื่องไปถึงทางตำรวจจริงๆ คงจะจัดการได้ยาก
อีกอย่าง สถานทูตประจำการต่างประเทศของหัวเซี่ยเองก็ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสิทธิผลประโยชน์ของประชากรของตัวเองอย่างมาก เรื่องใหญ่มากขนาดนี้ ถ้าหากถูกสถานทูตรู้เข้า จะต้องทำการกดดันตำรวจแวนคูเวอร์แน่นอน ถึงตอนนั้นเงินจำนวนนี้ที่ตัวเองหลอกเย่เฉินมา ก็ยิ่งรักษาไว้ได้ยากแล้ว
ดังนั้น ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ใช้โอกาสที่เรื่องนี้ยังไม่หลุดออกจากการควบคุมในกำมือของตัวเอง บีบบังคับให้เย่เฉินเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ให้กับตัวเองให้เรียบร้อย