ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3936 ช่างปากดีเสียจริงๆ
“ไอ้เวรเอ๊ยรนหาที่ตาย!”
คำพูดของว่านพั่วจวิน ทำเอาสมาชิกแก๊งทุกคนไม่พอใจขึ้นมาสุดขีดทันที รวมทั้งอังเดรด้วย!
อังเดรถึงขั้นขึ้นนกของปืนพก ราวกับว่าถ้านายกล้าพูดความจริงออกมาอีก ฉันจะฆ่าแกทิ้งซะ
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนรู้ว่าแก๊งของพวกเขาไม่อยู่ในสามอันดับแรกในแวนคูเวอร์ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกตนยังไม่ติดห้าอันดับแรก แต่ถูกคนมาฉีกหน้าแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถูกดูหมิ่นจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้ายของว่านพั่วจวิน ที่เจาะจุดอ่อนของพวกเขาเต็มๆ
แก๊งอิตาลีโชคร้ายจริงๆ ในช่างหลายปีมานี้
ก่อนหน้านี้พวกเขามีสถานะไม่เลวในแคนาดา ทั้งหมดก็ล้วนเพราะพวกเขามาก่อน
ก่อนที่ผู้อพยพชาวเอเชียจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้าสู่แวนคูเวอร์ พวกเขาได้ออกจากซิซิลีและมาตั้งแก๊งของตนเองขึ้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
อย่างไรก็ตาม หลังสงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามที่ปลดประจำการและพ่ายแพ้จำนวนมากได้เดินทางมาแคนาดา และอาศัยคุณสมบัติทางการทหารที่ยอดเยี่ยม ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้ายึดพื้นที่ในแคนาดาไปได้
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของแก๊งอิตาลีก็ไม่ง่ายอีกต่อไป
ต่อมาการเพิ่มขึ้นของแก๊งชาวจีนและการแทรกซึมของกองกำลังยุโรปตะวันออก แม้กระทั่งชาวเวียดนามก็อยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ นับประสาอะไรกับแก๊งอิตาลี
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แก๊งอิตาลีทั้งหมดต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลางรอยแตกร้าว และใช้ชีวิตอย่างกดดันจริงๆ
ว่านพั่วจวินในเวลานี้ไม่ใส่ใจปืนพกของอังเดร และไม่แม้แต่จะมองดูเขา แต่กลับพูดกับเย่เฉินอย่างสงบว่า “คุณเย่ สถานที่เล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึงหนึ่งล้านอย่างแวนคูเวอร์ ถ้าคุณสนใจ แค่ให้เวลาผมหนึ่งคืน ผมจะทำให้หัวหน้าแก๊งทั้งหมดในแวนคูเวอร์มาคุกเข่ายอมศิโรราบต่อหน้าคุณ!”
“เชี่ยเอ๊ย!” สมาชิกแก๊งอิตาลีกลุ่มหนึ่งแทบจะระเบิดขึ้นมา แม้กระทั่งกัวเหล่ยก็ยังโกรธจัด
แม้ว่าอังเดรจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมาไม้ไหน แต่เขาก็รู้ว่าคำพูดนี้แทบจะไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตาเลยสักนิด
เขามองดูว่านพั่วจวินและพูดอย่างเย็นชาว่า “แม่งเอ๊ยนายมันช่างปากดีจริงๆ! เดิมทีฉันแค่ต้องการเรือลำนี้เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับลูกเรืออย่างพวกนาย แต่ในเมื่อนายดูหมิ่นกันมากขนาดนี้ อย่างนั้นก็อย่าโทษที่ฉันหยาบคาย!”
ว่านพั่วจวิน เหลือบมอง อังเดร และพูดเรียบๆ “ที่นายยังมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งหมดก็เพราะคุณเย่ยังคิดไว้ชีวิตสุนัขอย่างพวกนายอยู่ ไม่อย่างนั้น นายคงตายไปตั้งแต่วินาทีที่นายเอาปากกระบอกปืนมาเล็งใส่ฉันแล้ว!”
ทันทีที่กัวเหล่ยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ระเบิดความโกรธทันที เขาชี้ไปที่ว่านพั่วจวินแล้วกัดฟันพูดขึ้น “สมองแกมันถูกลาเตะจนพังไปแล้วหรือไงวะ? ลูกเรือธรรมดาๆคนหนึ่ง ยังกล้ามาพูดจาคุยโวแบบนี้ ที่แกคงไม่อยากมีชีวิตยาวๆจริงๆสินะ!”
ว่านพั่วจวินยิ้มน้อยๆและถามกัวเหล่ยด้วยความสงสัย “ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคุณคนหัวเซี่ยอย่างนายจีนถึงได้มาเป็นหมารับใช้แก๊งอิตาลี?”
กัวเหล่ยระเบิดความโกรธจัดทันที เขากัดฟันด่า “เวรเอ๊ย! แกว่าใครเป็นหมารับใช้วะ?! ฉันเป็นรองหัวหน้าของแก๊งอิตาลี!”
ว่านพั่วจวินพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รองหัวหน้าที่ดี ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลนายมากขึ้นเองในอนาคต”
ในเวลานี้ กัวเหล่ยยังคงไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าการดูแลมากขึ้นนั้นหมายถึงอะไรกันแน่
เขารู้เพียงแค่ว่าศักดิ์ศรีของเขา ในเวลานี้กำลังถูกยั่วยุและดูหมิ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พูดจบ เขาก็หันไปพูดกับสมาชิกหลายคนของแก๊งอิตาลีทันที “พวกนาย จัดการลากมันไปที่ดาดฟ้าแล้วทุบตีมันแรงๆสักยก! แล้วก็ช่วยฉันฉีกปากมันด้วย!”
สมาชิกของแก๊งอิตาลี รีบพุ่งเข้าไปหาว่านพั่วจวินด้วยท่าทางดุดันทันที
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป ก็ยังจงใจหักนิ้วเล่นให้มีเสียงดังขึ้นด้วย