ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3944 การสมรู้ร่วมคิด
อังเดรเองก็เช่นกัน
เขาก็กลัวว่าวันหนึ่งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และในที่สุดเรื่องนี้ก็จะโยงมาเกี่ยวข้องถึงตัวเขา ดังนั้นเขาจึงเก็บหลักฐานทั้งหมดเอาไว้ เพื่อพิสูจน์ว่ากัวเหล่ยเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้
ในขณะนี้ สีหน้าของกัวเหล่ยได้กลายเป็นสีเทาราวกับความตายไปอย่างสมบูรณ์
เขารู้ว่า ในครั้งนี้ตนเองได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว
แต่แค่ไม่รู้ว่าเย่เฉินจะจัดการกับตัวเองอย่างไร
ในตอนนี้เองสมาชิกทั้งหมดของแก๊งอิตาลีที่อยู่ในฉากดังกล่าว ก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้อดีตหัวหน้าแก๊งนั้นได้ถูกกัวเหล่ยฆ่าตาย!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้คนโกรธแค้นมากที่สุดก็คือ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะหัวหน้ารับเขาเอาไว้ ป่านนี้เขาคงนอนตายข้างถนนไปนานแล้ว
แต่ว่า เขากลับไม่ซาบซึ้งบุญคุณนี้เลยแม้แต่น้อย แถมยังฆ่าญาติพี่น้องและผู้มีพระคุณทั้งครอบครัวลง คนจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้แทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
แม้แต่ลูกหลานชาวซิซิลีเหล่านี้ที่วันๆก่ออาชญากรรม ในเวลานี้ก็ยังไม่พอใจสุดขีดต่อการกระทำที่เหี้ยมโหดไม่มีสำนึกของกัวเหล่ย
นอกจากนี้ พ่อของคลอเดียตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อแก๊ง และหลังจากที่อังเดรขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็ยิ่งเห็นข้อดีของพ่อคลอเดียมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
มีคนไม่น้อยตะโกนใส่กัวเหล่ยดังลั่นว่าฉันจะฆ่าแกอะไรเทือกนั้น
สมาชิกแก๊งอิตาลีรู้สึกเลือดขึ้นหน้า และแทบอยากจะฉีกกัวเหล่ยออกทั้งเป็น
หากไม่ใช่เพราะทหารของสำนักว่านหลงถือปืนเพื่อควบคุมสถานการณ์อยู่ เกรงว่าป่านนี้กัวเหล่ยคงถูกคนพวกนี้พุ่งเข้ามารุมทึ้งจนไม่รู้เป็นตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นอกจากความขุ่นเคืองที่มีต่อกัวเหล่ยแล้ว คนเหล่านี้ยังโกรธแค้นอังเดรมากเช่นกัน
นั่นเพราะพวกเขาเองก็ฟังออกว่า ถึงแม้อังเดรจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการฆ่าคน แต่ถ้าปราศจากความยินยอมจากเขาและไม่มีเงื่อนไขที่เขาเจรจากับกัวเหล่ย กัวเหล่ยก็ไม่มีวันเริ่มลงมือฆ่าแบบนี้แน่
ดังนั้นคนชั่วร้ายทั้งสองคนนี้จึงอยู่ในฐานะสมรู้ร่วมคิดกัน ล้วนไม่ใช่คนดีอะไร
ในเวลานี้ เย่เฉินมองดูกัวเหล่ยอย่างเย็นชาและพูดอย่างเย็นชาว่า “กัวเอ๋อร์ ไม่นึกเลยว่า ใจนายจะมืดบอดขนาดนี้!”
กัวเหล่ยรู้สึกทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัวในใจ ทั้งตัวของเขาสั่นเทาราวกับเจ้าเข้าและเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า: “คุณ… คุณเย่…ผม…ผมเองก็ถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูก…”
“โอ้?” เย่เฉินถามด้วยความสงสัย “นายช่วยอธิบายให้ฉันฟังสักหน่อย ฉันอยากรู้อยู่บ้างว่านายถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูกได้ยังไง”
จากนั้นเย่เฉินก็พูดกับกัวเหล่ยอีกว่า “นายอย่าเพิ่งรีบร้อนพูดล่ะ ให้ฉันเรียกผู้เคราะห์ร้ายออกมาก่อน”
เย่เฉินมองไปที่ว่านพั่วจวิน และเอ่ยปาก “พั่วจวิน นำคนมาที่นี่”
“ครับ คุณเย่!” ว่านพั่วจวินพยักหน้าด้วยความเคารพ จากนั้นก็หันหลังกลับไปที่ห้องโดยสารของเรือและพาคลอเดียออกมา
ในเวลานี้ ใบหน้าของคลอเดียเต็มไปด้วยน้ำตา
เมื่อครู่เธออยู่ห้องข้าง ๆ และฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่เธอได้ยินบันทึกเสียงของกัวเหล่ย และ อังเดร เธอก็โกรธสุดขีดจนแทบอยากจะแล่กัวเหล่ยออกเป็นชิ้นๆด้วยมือของเธอเองและล้างแค้นให้กับครอบครัวของเธอ
ดังนั้น เมื่อเธอเข้ามาพร้อมกับว่านพั่วจวิน เธอก็กำหมัดแน่นจนปล่อยให้เล็บของเธอเจาะเข้าไปในอุ้งมือ เธอจ้องไปที่กัวเหล่ยด้วยความโกรธแค้นและถามเสียงดังว่า “กัวเหล่ย! ตอนที่นายไม่มีทางไป เป็นพ่อแม่ของฉันที่รับนายเอาไว้ ให้ทางรอดชีวิตกับนาย แต่ทำไมนายถึงได้ทำร้ายพวกเขา?!”
เมื่อเห็นคลอเดีย ออกมา กัวเหล่ยก็พูดด้วยความตื่นตระหนก: “คลอเดีย… ฉัน… ฉันเลอะเลือนไปชั่วครู่…ล้วนเป็น อังเดร ไอ้คนชั่วนั่นที่หลอกล่อให้ฉันทำเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันเองก็คงจะไม่ทำเรื่องนี้ … ”
อังเดรตะคอกใส่ด้วยความโกรธทันที: “กัวเหล่ย! ไอ้ลูกหมาหน้าตัวเมีย ยังคิดจะใส่ร้ายฉันอยู่อีก! ในตอนแรกเป็นนายที่เป็นฝ่ายมาหันก่อน และเสนอให้ฆ่าครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด ส่วนเรื่องตอบแทน หลังจากที่ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าแล้วก็ต้องให้นายเป็นรองหัวหน้า ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของนายเองทั้งหมด! คนก็เป็นนายที่ฆ่าไป! ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!”