ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3952 จะมีอะไรที่สำคัญกว่าการมีชีวิตรอดกัน?
ครึ่งประโยคหลัง เย่เฉินไม่ได้พูดออกมา
โอกาสก็ต้องให้cojovoอยู่แล้ว ทว่าไม่ใช่การส่งพวกเขาไปกลับตัวกลับใจที่บ้านแน่ ๆ แต่ให้พวกเขาไปกับสำนักว่านหลง ไปเริ่มต้นใหม่ที่ตะวันออกกลาง
แน่นอนว่าเหตุผลหลักๆคือให้พวกเขาไปทำงานใช้แรงงาน ส่วนเรื่องจะกลับตัวกลับใจได้หรือไม่ ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
ไม่นาน คลอเดียและหลี่เสี่ยวเฟินก็ออกไปจากโกดังภายใต้ความคุ้มกันของพวกทหารหญิง
กัวเหล่ยที่ถูกเผาจนไหม้ยังคงนิ่งงันอยู่ตรงกลางโกดัง บนร่างของเขามีควันลอยแผ่ออกมา โกดังที่จุสินค้าได้เป็นหมื่นตัน ณ ตอนนี้ ก็คลุ้งไปด้วยกลิ่นไหม้เกรียม
รวมถึงแก๊งอิตาลีที่มีอังเดรอยู่ในนั้น สีหน้าแต่ละคนที่มองไปยังร่างของกัวเหล่ยต่างก็เผยแต่เพียงแต่ความตระหนกหวาดกลัว
การได้เห็นกัวเหล่ยตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างอนาถ ทำให้พวกเขาต้องสยบต่อความเกรงกลัว
แม้แต่อังเดรเองก็พรั่นพรึงจนโรคหัวใจแทบกำเริบ
เพราะเขากลัว ว่าเย่เฉินจะใช้วิธีเดียวกันมาต่อกรกับเขาในภายหลัง
และยิ่งกลัวอะไร ก็ยิ่งมาแบบนั้น
ทันใดนั้น เย่เฉินก็ชี้ไปยังอังเดรที่นั่งยองอยู่ตรงแถวแรก พลางเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “พั่วจวิน เอาตัวมันไป”
“ครับ” ว่านพั่วจวินหิ้วตัวอังเดรขึ้นด้วยมือข้างเดียวโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด กระทั่งพาไปยังตรงหน้าเย่เฉิน
อังเดรในตอนนี้ตระหนกตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว
เย่เฉินมองเขา พลันเอ่ยเสียงนิ่งว่า “มา อังเดร เรื่องของกัวเหล่ยเราคุยกันจบแล้ว ตอนนี้ถึงตาคุณแล้วล่ะ”
อังเดรเอ่ยอย่างตื่นกลัวว่า “เย่…..คุณเย่……ตัวผมนอกจากเคยหลอกเอาเงินคุณที่บ่อน ก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณเลยนะ……”
เย่เฉินถามกลับว่า “งั้นเหรอ แล้วที่ลักพาตัวน้องสาวฉัน ก็คือฝีมือของกัวเหล่ยคนเดียวสินะ? เงินที่หามาได้ ก็เป็นของกัวเหล่ยคนเดียวงั้นสินะ?”
อังเดรพูดตะกุกตะกักว่า “นี่……หลักๆแล้วก็เป็นความคิดของกัวเหล่ย เรื่องต่างๆก็เขาเป็นคนพาคนไปทำ ผมไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้ง……”
เย่เฉินตบบ่าเขา พลันเอ่ยยิ้มๆว่า “เอาน่า คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้น แค่คุณยอมให้ความร่วมมือกับเราโดยดี คนที่อยู่ที่นี่ วันนี้ก็จะมีแต่กัวเหล่ยคนเดียวที่ตาย ส่วนคุณกับคนอื่นๆ เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้ว ว่าจะให้โอกาสพวกคุณได้ถวายตัวรับใช้สำนักว่านหลง ผมไม่ผิดคำพูดแน่นอน”
พูดไปพลาง เย่เฉินก็มองอังเดร ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อผมพูดไปแล้วว่าจะให้พวกคุณเข้าร่วมสำนักว่านหลง และถวายตัวรับใช้ ก็ไม่มีทางที่ผมจะไม่รักษาคำพูดแน่นอน แค่พวกคุณยอมทำตามแต่โดยดี ผมรับประกันด้วยเกียรติในตัวตนของผม ว่าผมจะไม่ฆ่าคุณ รวมถึงลูกน้องคุณ แค่พวกเขายอมทำตามผมก็จะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น”
เย่เฉินหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พลันเอ่ยต่อว่า “คุณเองก็ไม่ต้องกังวลว่าผมจะกลับคำ เพราะถ้าผมต้องมาผิดคำพูดต่อหน้าเหล่าทหารของสำนักว่านหลงเพราะขยะแบบพวกคุณ งั้นต่อจากนี้ ผมจะเอาอะไรมาทำให้กองทัพหมื่นๆคนของสำนักว่านหลงมาเชื่อใจผมอีกล่ะ?”
อังเดรฟังมาถึงตรงนี้ ก็พลันลอบถอนหายใจ
เขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าการเข้าร่วมสำนักว่านหลงจะดีหรือจะร้าย แต่มีสิ่งหนึ่งที่รับประกันได้ นั่นก็คือถ้าเข้าร่วมสำนักว่านหลง ก็จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้
เห็นมากับตาว่ากัวเหล่ยถูกไฟเผาจนเป็นได้แค่ศพไหม้ จะมีอะไรที่สำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่รอดกัน?
ทว่า ไม่ทันไรสีหน้าของเย่เฉินก็พลันหม่นลง พร้อมเอ่ยเสียงเย็นว่า “แต่คุณต้องจำไว้อย่างหนึ่ง ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายเพียงครั้งเดียวที่ผมให้คุณ ถ้าคุณปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ งั้นจุดจบของคุณ ก็จะเป็นเหมือนกัวเหล่ย ผมให้เวลาคุณคิดสิบวินาที”