ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3957 ทำลาย
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ เอ่ยปากว่า “งั้นเอาแบบนี้ เราค่อยๆเข้าหาพวกมันช้าๆ จากนั้นนายก็หาทหารร่างผอมไม่กี่คน ปลอมตัวแล้วนอนราบบนดาดฟ้าเรือ พยายามเข้าใกล้พวกมันให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พวกมันจะจับสังเกตได้”
ว่านพั่วจวินแปลกใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “คุณเย่หมายถึงต้องการหาโอกาสเข้าใกล้พวกมัน จากนั้นก็ค่อยจับตัวพวกมันหรือเปล่าครับ? ผมคิดว่า วิธีนี้ไม่น่าจะได้ผล……อีกฝ่ายระแวงขนาดนี้ ถึงเราจะย่นระยะห่างได้จนเหลือหนึ่งกิโลเมตร แต่ถ้าพวกมันรู้เข้าแล้วรีบขับเรือหนีเต็มสปีด เราก็ไม่มีวิธีอะไรที่จะเอาพวกมันอยู่เลย……”
ว่านพั่วจวินรู้สึกว่า ถึงแม้เย่เฉินจะมีความสามารถเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะไล่ตามความเร็วเรือเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยขาทั้งสองข้างบนผืนทะเลกว้างใหญ่ได้
ทว่า เย่เฉินกลับเอ่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “ฉันไม่ได้จะไล่ตามมัน แต่จะทำลายมันต่างหาก!”
“ทำลาย?!”
ว่านพั่วจวินได้ยินดังนั้นแล้วก็เบิกตาโพลงอ้าปากค้าง
เขาคิดว่าเย่เฉินต้องเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งสองฝั่งแน่ๆ จึงเอ่ยต่อว่า “คุณเย่……แต่พวกผมไม่มีอาวุธที่สามารถยิงทำลายเรือขนาดนี้ได้น่ะสิครับ……”
พูดเสร็จ เขาก็อธิบายอย่างจริงจังว่า “ด้วยกำลังอาวุธของเราในตอนนี้ ถึงจะย่นระยะห่างให้เหลือเพียงห้าร้อยเมตร แต่กระสุนที่ยิงออกไปมากสุดก็ทำได้แค่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแสบๆคันๆ”
เย่เฉินเผยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “พวกนายไม่มี แต่ฉันมี”
นั่นก็คือยันต์ขลังที่เย่เฉินทำขึ้นมาก่อนงานประมูล
และก็เป็นครั้งนั้น ที่เย่เฉินสร้างเครื่องมือทางธรรมด้วยยาเสริมชี่ปราณที่ถูกเสริมด้วยปราณทิพย์
เครื่องมือที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าฟ้าร้อง—–มีดทะลุวิญญาณ
เครื่องมือแบบยันต์ฟ้าร้อง ตอนอัญเชิญสายฟ้าดูเอิกเกริกยิ่งใหญ่มากมายก็จริง ทว่าพลังโจมตีกลับไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
แต่มีดทะลุวิญญาณนั้นไม่เหมือนกัน
มีดทะลุทะลุวิญญาณไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดปรากฏการณ์mk’ธรรมชาติอะไร อีกทั้งยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่เพียงเท่านี้ พลังโจมตีของมีดทะลุวิญญาณเองก็มากกว่ายันต์ฟ้าร้องเป็นหลายเท่า
วันนั้นเย่เฉินทดลองใช้ที่หลังเขาของโรงแรมน้ำพุร้อนช็องเซลี เพียงชั้นเดียวของมีดทะลุวิญญาณ ก็สามารถตัดต้นไม้ใหญ่ได้ถึงสี่ต้น ถ้าใช้สิบชั้น แม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ก็ถูกบดสลายได้เป็นผุยผง
ฉะนั้น เย่เฉินมั่นใจว่า เพียงแค่ย่นระยะห่างให้ใกล้กว่านี้อีกหน่อย พลังสิบชั้นของมีดทะลุวิญญาณยังไงก็สามารถโจมตีทะลุเรือสำราญนั่นได้แน่ๆ!
แค่ทำให้เรือลำนี้หยุดลงได้ ถึงเวลาคนบนเรือทั้งหมดก็จะไม่มีใครหนีออกไปได้แม้แต่คนเดียว!
แม้ว่าว่านพั่วจวินจะไม่รู้ว่าเย่เฉินมีเครื่องมือหรืออาวุธอะไรกันแน่ ที่สามารถโจมตีให้เรือลำนี้จมลงได้ แต่ในเมื่อเย่เฉินพูดขนดนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเคลือบแคลงใจอะไรอีก จึงรีบเอ่ยปากทันทีว่า “คุณเย่ งั้นผมจะไปสั่งให้ลูกน้องเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”
พูดเสร็จ เขาก็หันไปสั่งคนขับเรือว่า “เคลื่อนตัวเข้าหาเป้าหมายช้าๆ!”
คนขับเรือพยักหน้า พลางค่อยๆลดความเร็วลงแล้วเคลื่อนตัวเข้าหาอีกฝ่ายทีละนิด
ระหว่างนั้น เย่เฉินก็เดินออกจากห้องโดยสาร ก้าวเดินมายังหัวเรือ สายตาก็พลางจดจ้องเรือลำใหญ่ที่อยู่ห่างไกล
ไม่นาน เย่เฉินก็เห็นโดรนสีขาวค่อยๆบินขึ้นมาจากบนเรือลำนั้น
โดรนธรรมดาแบบนี้ เด็กอายุเจ็ดขวบก็ยังบังคับได้อย่างคล่องแคล่ว แถมส่งรูปภาพในระยะกิโลเมตรกว่าๆได้อีกด้วย ตอนคราวคามมิตที่ซีเรียครั้งก่อน ก็ใช้โดรนธรรมดาแบบนี้ ทำให้สำนักว่านหลงที่ดูเบาศัตรูเสียเปรียบไปไม่น้อยเลยล่ะ
เย่เฉินเห็นโดรนนั่นบินมายังเรือสินค้าใกล้เข้ามาทุกที พลางลอบคิดในใจว่า เจ้านี่เองก็เคลื่อนไหวเร็วไม่ใช่เล่น สามารถบินสิบกว่ากิโลเมตรได้สบายๆ แค่สองสามนาทีก็บินไปแล้วสองกิโลเมตร
แต่เรือสินค้าของเขาที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า สองสามนาทีมากสุดก็คงได้แค่สามสี่ร้อยเมตรเท่านั้น