ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3959
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีคนตะโกนพูดขึ้นมาว่า “เหมือนว่าแวนคูเวอร์ 003 กำลังมุ่งเข้ามาใกล้เรา!”
ทุกคนรีบหันไปมองตามผิวน้ำที่มีแสงไฟของเรือสินค้าส่องสว่าง พลันพบว่าเรือลำนั้นอยู่ห่างจากพวกเขาใกล้ขึ้นไม่น้อย
หัวหน้าหยิบเครื่องสื่อสารขึ้นมาด้วยสีหน้าระแวดระวัง ก่อนเอ่ยเสียงเย็นว่า “แวนคูเวอร์ 003ๆ โปรดหยุดเข้าใกล้เราเดี๋ยวนี้ และอยู่ห่างจากเราอย่างน้อยหนึ่งไมล์ทะเล ไม่อย่างงั้นเราจะยุติการรับมอบในครั้งนี้!”
เย่เฉินยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือตรงหัวเรือ พลางตะโกนเสียงเอ่ยกับว่านพั่วจวินที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องโดยสารว่า “เร่งเดินหน้าเต็มกำลัง!”
ว่านพั่วจวินได้ยินดังนั้น ก็รีบพุ่งไปยังห้องควบคุมทันที ก่อนจะดึงคันเร่งเครื่องยนต์จนสุด!
เรือสินค้าที่เดิมถูกขับเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า จู่ๆตัวเครื่องยนต์ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง พร้อมกับความเร็วเรือที่เพิ่มขึ้นไม่น้อยในพริบตา
คนบนเรือสำราญพลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือสินค้าแผดดังลั่นขึ้น หัวหน้ารีบตวาดเสียงใส่วิทยุสื่อสารทันทีว่า “สถานการณ์เปลี่ยน! เร่งถอยเต็มกำลังเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียง คนขับเรือรีบเร่งเครื่องยนต์จนสุด พลันเกิดเคลื่อนน้ำและฟองน้ำที่ถูกตีขึ้นด้วยใบพัดเรือตรงท้ายเรือ
“คิดจะหนีงั้นเหรอ?”
เห็นอีกฝ่ายกำลังจะหนี เย่เฉินแค่นยิ้มเสียงเย็น ทันใดนั้น เขาก็ปามีดทะลุวิญญาณทั้งสิบชั้นพุ่งไปยังท้ายเรือสุดกำลัง!
แม้แต่เย่เฉินเองก็ไม่รู้ ว่ามีดทะลุวิญญาณสิบชั้นจะสร้างความเสียหายให้กับเรือลำนี้ขนาดไหน ทว่าในสายตาเย่เฉิน คนบนเรือนั่นจะตายหรือไม่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดาย ดังนั้น เย่เฉินจึงใช้มีดทะลุวิญญาณทั้งสิบชั้น…..
สามส่วนของปราณทิพย์ในร่างกายถูกมีดทะลุวิญญาณดูดไปในพริบตา สลายเป็นพลังงานแข็งแกร่งที่ยากจะหาสิ่งใดมาเทียบ ก่อนจะพุ่งโจมตีไปที่เรือสำราญลำใหญ่อย่างรวดเร็ว!
พลังแข็งแกร่งพัดผ่านผิวน้ำทะเลไปอย่างไร้สุ้มเสียง
หนึ่งวินาทีผ่านไป ท้ายเรือสำราญก็แผดเสียงระเบิดดังสนั่น!
จากนั้น ระบบไฟฟ้าตรงท้ายเรือก็จุดชนวนระเบิดขึ้นในพริบตา เปลวไฟลูกใหญ่พลันลุกโชนขึ้น พร้อมกับใบพัดและส่วนประกอบของระบบไฟฟ้าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า!
เรือสำราญที่กำลังเร่งความเร็วหนีถอย พลันสูญเสียแรงขับเคลื่อนทั้งหมด และหยุดชะงักลงทันที
ณ วินาทีนี้ ทุกคนต่างตกใจจนตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง
ว่านพั่วจวินยิ่งรู้สึกว่าพลังของเย่เฉินนั้นลึกล้ำจนไม่สามารถคาดการณ์ได้ ก่อนหน้านี้ เขาคาดเดามาโดยตลอดว่าเย่เฉินเป็นยอดฝีมือแดนมืด ทว่าพอได้มาเห็นกับตาว่าเย่เฉินใช้พลังโจมตีไร้รูปไร้เสียงได้อย่างง่ายดาย ทำให้เรือสำราญอีกฝ่ายทะลุจนเป็นหลุมใหญ่ พลันตระหนักได้ทันทีว่า พลังของเย่เฉินนั้น อาจอยู่เหนือกว่าแดนมืดไปมาก!
คิดมาถึงตรงนี้ ว่านพั่วจวินก็ยิ่งรู้สึก ว่าตอนนั้นที่ตัวเองบุกขึ้นไปยังภูเขาเย่หลิงซานนั้นเป็นการกระทำที่น่าขันแค่ไหน
ณ เวลานี้ คนบนเรือสำราญต่างก็ตกอยู่ในความมึนงงระคนพรั่นพรึงจากเหตุระเบิดเมื่อครู่นี้
เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งพลันดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารว่า “ระเบิดเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเรือถึงไม่ขยับแล้ว?”
เสียงคนขับเรือพลันตอบกลับมาอย่างร้อนรนว่า “คุณชาย! เรือของพวกผมขยับไม่ได้เลยในตอนนี้! รู้สึกอาจจะเป็นเพราะเครื่องยนต์ถูกระเบิด!”
ชายหนุ่มตวาดเสียงแปลกใจทันทีว่า “โธ่เว้ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?! เราถูกลอบโจมตีงั้นเหรอ?”
หัวหน้าที่อยู่บนดาดฟ้าเรือรีบตอบกลับมาว่า “คุณชาย หากระเบิดเมื่อกี้เกิดจากการโจมตีจากภายนอกจริงๆ งั้นอย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกอาวุธบาซูก้า RPG เท่านั้นถึงจะเป็นไปได้ แต่เราไม่เห็นอาวุธอะไรที่โจมตีเราเลย”
หัวหน้าคนนี้ เคยเป็นทหารฝึกอยู่ในกองทัพมาก่อนหลายปี ประสบการณ์การรบโชกโชนเป็นอย่างมาก จากความรู้ความเชี่ยวชาญของเขา ระเบิดเมื่อครู่นี้ ความรุนแรงนั้นมากกว่าปืนไรเฟิลต่อต้านวัสดุทั่วไปด้วยซ้ำ ต้องเป็นพวกอาวุธบาซูก้าเท่านั้นจึงจะเป็นไปได้
ทว่า บนผืนทะเลมืดมิด หากอีกฝ่ายยิงบาซูก้า ก็เท่ากับยิงประทัดดอกไม้ไฟลูกใหญ่ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ตัวเด็ดขาด