ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3960
ทว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิด ตาของเขาเองก็จดจ้องไปที่เรือสินค้าน่าสงสัยลำนั้นอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สังเกตถึงวี่แววที่อีกฝ่ายจะใช้อาวุธโจมตีพวกเขาเลย
ขณะที่เขากำลังประหลาดใจนั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตรงส่วนท้ายของลำเรือจมดิ่งลงเล็กน้อย และส่วนหัวเรือเองก็ตั้งมุมเชิดขึ้นด้วยเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดกลับทำให้ใจเขากระตุกขึ้นมาทันที เขาเดา ว่าสาเหตุที่ทำให้ท้ายเรือจมลงต้องเป็นเพราะเกิดจากระเบิดเมื่อกี้นี้แน่ๆ ทำให้น้ำเริ่มท่วมเข้ามาในเรือจากส่วนท้ายของลำเรือ!
อีกอย่าง สถานการณ์ต้องสาหัสอย่างมากแน่นอน จึงทำให้ท้ายเรือเริ่มค่อยๆจมลง
ถ้าปล่อยให้น้ำไหลเข้ามาแบบนี้ต่อไป งั้นท้ายเรือก็จะยิ่งจมลงเรื่อยๆ หัวเรือก็จะเชิดสูงขึ้น จนกระทั่งเรือทั้งลำจมดิ่งลงไปในน้ำทะเลด้วยมุมตั้งฉากเก้าสิบองศา!
ทันใดนั้นเอง ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วนภายในลำเรือตะโกนเสียงใส่วิทยุสื่อสารว่า “แย่แล้ว! ท้ายเรือถูกระเบิดจนมีหลุมใหญ่ น้ำทะเลไหลเข้ามาข้างในแล้ว!”
หัวหน้าสีหน้าเปลี่ยนทันที ก่อนจะตะโกนตอบกลับไปว่า “ทุกคนใส่เสื้อชูชีพและออกจากเรือเดี๋ยวนี้! พวกทหารเตรียมตัวให้พร้อม! เหล่าเฉินปล่อยเรือชูชีพ ทิ้งเรือลำนี้ซะ!”
สิ้นเสียง คนบนเรือทั้งหมดสิบกว่าคนก็ตกอยู่ในความตระหนกแตกตื่นทันที!
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในพวกเขาจะเป็นบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทว่าพวกเขากลับไม่เคยเผชิญสถานการณ์ที่อันตรายเยี่ยงนี้มาก่อน หลายคนจึงตั้งตัวรับมือไม่ถูก
ทหารนับยี่สิบกว่านายถือปืนไรเฟิลจู่โจมไปที่ดาดฟ้าเรือ พวกเขาต่างจดจ้องไปยังเรือสินค้าที่ใกล้เข้ามาอย่างระวังระคนประหม่า ท่าทางพร้อมตั้งรับการโจมตีอยู่ตลอดเวลา
วิทยุสื่อสารพลันส่งเสียงชายหนุ่มที่ดังขึ้นอย่างโมโหว่า “นายว่าอะไรนะ? ทิ้งเรือ?! ทิ้งเรือแล้วพวกฉันจะกลับซีแอตเทิลยังไง?!”
หัวหน้ารีบเอ่ยทันทีว่า “คุณชาย หลังจากทิ้งเรือเราจะให้คุณนั่งเรือชูชีพออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ที่นี่ห่างจากซีแอตเทิลเพียงสองร้อยกิโลเมตรกว่าเท่านั้น ถ้าทุกอย่างราบรื่น สี่ห้าชั่วโมงก็ถึงปลายทางแล้วครับ!”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นว่า “ฉันจะไม่มีทางนั่งเรือชูชีพสี่ห้าชั่วโมงกลับไปเด็ดขาด! นายโทรหาให้ที่บ้านส่งเครื่องบินทะเลมารับฉันเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้ารีบเอ่ยกลับทันทีว่า “คุณชาย ปัญหาของเรา ณ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆอย่างเรือกำลังจะจม! เรือสินค้าตรงฝั่งตรงข้ามก็กำลังเร่งความเร็วมุ่งเข้ามาหาเรา ผมว่าพวกมันต้องมีเจตนาหวังร้าย ถ้าปล่อยให้พวกมันตามเรามาได้ เกรงว่าจะต้องอันตรายมากแน่ๆ! สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้คือคุณต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
“โธเว้ย!” ชายหนุ่มก่นด่าเสียงกรอด “เจ้าพวกบ้านนอกที่มาจากซิซิลีพวกนี้อยากตายมากนักสินะ? กำลังความสามารถแค่นั้น บังอาจคิดจะมาเหิมเกริมกับฉัน พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปแวนคูเวอร์ ไปตัดหัวหมาของหัวหน้าพวกมันมาซะ!”
หัวหน้าเอ่ยปากว่า “คุณชาย ไม่ว่าพรุ่งนี้คุณจะกำจัดแก๊งอิตาลีทั้งแก๊งให้สิ้นซากหรือยังไงก็แล้วแต่ แต่ประเด็นหลักในตอนนี้คือเราต้องรีบออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
อีกฝ่ายดูท่าจะยอมฟังคำแนะนำของหัวหน้าแล้ว ทว่าก็ยังคงสบถด่าว่า “โธ่เว้ย ออกเรือกับพวกแกครั้งแรก ก็ต้องมาเจอเรือจมแบบนี้ อัปมงคลสิ้นดี!”
ไม่นานก็มีชายหนุ่มลูกครึ่งเอเชียแต่งตัวหรูหราวิ่งออกมาจากห้องโดยสาร
ทหารสองสามนายวิ่งเข้าไปอารักขา เพียงชั่วครู่เขาก็มาถึงทางด้านขวาของลำเรือ ส่วนสรั่งเรือที่อยู่ทั้งสองฝั่งก็กำลังเตรียมปล่อยเรือชูชีพสองลำที่อยู่บนเรือลงสู่ผิวน้ำ
หัวหน้าเห็นเรือสินค้ายิ่งใกล้เข้ามาทุกที พลันตะโกนเอ่ยว่า “พวกนายเร่งมือหน่อย! อีกเดี๋ยวก็จะไม่ทันแล้ว!”
สรั่งเรือได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งรีบร้อนจนมือไม้แทบพันกัน