ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3961 จับเป็น
เรือชูชีพสองลำนี้ ปกติแล้วจะไม่เหมือนของเรือสินค้าที่แขวนอยู่บนผนังทั้งสองข้างของลำเรือ แต่เพราะต้องการคงรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามของตัวเรือสำราญ ก็เลยต้องเก็บซ่อนไว้ใต้ดาดฟ้าเรือ เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้ ก็ต้องเปิดฝาดาดฟ้าเรือออกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปั้นจั่นยกของชนิดพิเศษยกเรือชูชีพขึ้นมา จึงจะสามารถนำไปปล่อยลงสู่ผิวน้ำจากทั้งสองข้างของลำเรือได้
ดังนั้น ขั้นตอนทั้งหมดที่ว่ามาอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองสามนาที
ถ้าในตอนปกติ หากประสบเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ เวลาสองสามนาทีในการปล่อยเรือชูชีพก็ถือว่าเพียงพอ
ทว่า เรือสินค้าของฝั่งเย่เฉิน ตอนนี้อยู่ห่างจากพวกเขาเพียงแค่ร้อยกว่าเมตรแล้ว พวกเขาแทบจะไม่มีเวลาที่เพียงพอในการปล่อยเรือชูชีพก่อนที่เรือสินค้าจะพุ่งเข้ามาเลยด้วยซ้ำ
หัวหน้าเห็นเวลาลดเหลือน้อยลงไปทุกที พลันรีบตวาดเสียงใส่เครื่องสื่อสารไปยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้งว่า “แวนคูเวอร์ 003 ฉันขอเตือนอีกครั้ง เรือของพวกนายต้องอยู่ห่างจากเราในระยะหนึ่งไมล์ทะเลขึ้นไป! หยุดเข้าใกล้เรือของเราเดี๋ยวนี้ หากยังเข้าใกล้ต่อไป ทางเราจะยิงตอบโต้ทันที!”
เรือสินค้า ณ เวลานี้อยู่ห่างจากอีกฝ่ายในระยะไม่ถึงห้าร้อยเมตร ว่านพั่วจวินเอาเครื่องสื่อสารมายังตรงหัวเรือ เห็นเพียงเย่เฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างใจเย็น พลันรีบเอ่ยถามอย่างนอบน้อมว่า “คุณเย่ เราจะเอายังไงกันต่อดีครับ?”
เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบว่า “จากนี้ไปก็ฝากพวกนายแล้วกัน ฉันมีเงื่อนไขสามอย่าง หนึ่ง ห้ามปล่อยใครไปเด็ดขาด สอง กำจัดคนที่มีอาวุธอยู่ในมือไปให้หมด สาม ไว้ชีวิตสองสามคนเอาตัวขึ้นมาสอบปากคำ”
ว่านพั่วจวินพยักหน้า ก่อนจะประสานมือคารวะแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “คุณเย่ไว้ใจได้ ผมจะลุล่วงภารกิจแน่นอน!”
เรือสำราญของอีกฝ่ายสูญเสียแรงขับเคลื่อนไปหมดแล้ว สำหรับว่านพั่วจวิน รวมทั้งยอดฝีมืออีกสิบคนของสำนักว่านหลง การจะต่อกรกับทหารของอีกฝ่ายนั้นย่อมถือเป็นเรื่องง่ายดาย
เย่เฉินพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มที่ถูกคนมากมายปกป้อง พลางเอ่ยว่า “ฉันว่าเจ้านั่นดูท่าจะไม่ใช่คนธรรมดา ต้องจับเป็นมาให้ได้!”
เดิมที อุปสรรคเพียงหนึ่งเดียวของว่านพั่วจวินและทหารนายอื่นๆของสำนักว่านหลง ก็คือเรือสำราญของอีกฝ่ายนั้นรวดเร็วกว่าพวกเขาไปมากโข แม้ว่าพวกเขาทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือบู๊ แต่ถ้าไม่มีจังหวะและโอกาสสู้ในระยะประชิด สุดท้ายก็ทำได้เพียงมองพวกมันหนีไปต่อหน้าต่อตา
แต่ตอนนี้ เรือสำราญของอีกฝ่ายไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก คนพวกนี้ก็เป็นได้แค่คนไร้ทางสู้เท่านั้น
ว่านพั่วจวินตอบรับคำสั่งแล้ว ก็พลันเอ่ยเสียงสั่งกับวิทยุสื่อสารว่า “เร่งความเร็วเต็มกำลัง พุ่งชนท้ายเรือของเรือสำราญมุมเก้าสิบองศา ส่วนคนที่เหลือเตรียมตัวออกรบ!”
เรือสินค้าเปลี่ยนทิศทาง พุ่งชนไปยังท้ายเรือทันที!
คนบนเรือสำราญเองก็เข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่าย พลันตกตระหนกจนใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
กลับกันเรือสำราญของพวกเขาสูญเสียการเคลื่อนไหวไปทั้งหมด ทำได้เพียงตกเป็นเหยื่อที่รอถูกชำแหละ
หัวหน้าแผดเสียงสั่งทันทีว่า “เร็วเข้า! ทุกคนเตรียมตั้งรับการโจมตี!”
ทหารบางนายเห็นเรือสินค้ากำลังพุ่งชนเข้ามา กำลังคิดจะยกปืนขึ้นยิง ทันใดนั้นได้ยินเสียงสั่งเตือนของหัวหน้า ก็พลันรีบจับราวที่อยู่สองข้างบนดาดฟ้าเรือทันที
การกระแทกมุมเก้าสิบองศาแบบนี้ของอีกฝ่าย ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าสามารถทำให้เรือสำราญถูกชนจนกระเด็นจนออกไปไกลบนท้องทะเล ถึงเวลาถ้าไม่หาอะไรจับดีๆ คนก็อาจจะพลัดตกลงไปในทะเลก็ได้!
สักพัก เรือสินค้าก็พุ่งชนท้ายเรือที่ยังคงมีไฟลุกโชน พลันทำให้ท้ายเรือของเรือสำราญสะบัดหางเป็นเส้นครึ่งวงกลมบนผิวน้ำ
แรงกระแทกที่รุนแรงนี้ทำให้คนบนดาดฟ้าเรือสิบกว่าคนตกลงไปในทะเล ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในความคุ้มครองของหลายคน ก็ฝืนพยุงตัวได้ในการกระแทกครั้งนี้ แต่ก็รู้สึกวิงเวียนโลกหมุนจนลุกยืนไม่ได้
สรั่งเรือที่เดิมคิดจะปล่อยเรือชูชีพ และเพิ่งจะยกเรือชูชีพขึ้นมาจากใต้ดาดฟ้าเรือได้ไม่ทันไร ก็ถูกแรงกระแทกทำให้เรือชูชีพที่อยู่ทางด้านขวาพลัดตกลงไปในทะเล แต่เพราะยังมีลวดเหล็กยึดตัวลำเรือเอาไว้ เลยทำให้สปีดโบ๊ทกระเด็นออกไปทั้งอัน ตามด้วยกระแทกลงบนด้านขวาของเรือสำราญ