ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3964 อยากตายมากนักใช่ไหม?
เย่เฉินพยักหน้า เขามองเฉียวเฟยหยู่แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อสินทรัพย์ตระกูลแกก็มีถึงตั้งแสนล้าน แล้วทำไมแกถึงยังต้องมาทำเรื่องชั่วช้าผิดศีลธรรมแบบนี้ด้วย? หรือทำเพราะมันน่าตื่นเต้นเร้าใจหรือไง?”
เฉียวเฟยหยู่ร้องไห้เอ่ยว่า “ไม่ใช่……ผมไม่ได้เป็นคนทำ……ผมก็แค่ออกทะเลมารับคนคนหนึ่งแทนพี่ชายผมเท่านั้น……เรื่องอื่นๆผมไม่รู้อะไรเลย……”
เย่เฉินเอ่ยถามเสียงเย็นว่า “พี่นายให้นายมารับใคร?”
เฉียวเฟยหยู่ไม่กล้าปิดบัง รีบเอ่ยตอบว่า “ในเอกสารที่แก๊งอิตาลีส่งมาในครั้งนี้ มีเด็กผู้หญิงที่ชื่อหลี่เสี่ยวเฟินคนหนึ่ง พี่ชายผมให้ผมมารับเธอไปที่นิวยอร์ก……”
เย่เฉินได้ยินจากแก๊งอิตาลีมาก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายจะใช้เรือมารับคนที่นี่ น่าจะเป็นเพราะมีคนใหญ่คนโตสักคนถูกใจหนึ่งในเด็กผู้หญิงที่จะถูกส่งมาในครั้งนี้
ตอนนี้ได้ยินเฉียวเฟยหยู่เอ่ยชื่อหลี่เสี่ยวเฟิน ก็พลันนึกว่าพี่ชายเขาต้องคิดมิดีมิร้ายกับหลี่เสี่ยวเฟินแน่ ๆ
เย่เฉินจึงเล็งปากกระบอกปืนไปที่กลางศีรษะของเฉียวเฟยหยู่ พลางเอ่ยถามว่า “ตระกูลเฉียวของพวกนายไม่ใช่ว่าอยู่ซีแอตเทิลหรือไง? ทำไมพี่ชายนายต้องให้นายส่งหลี่เสี่ยวเฟินไปที่นิวยอร์กด้วย? ซีแอตเทิลถึงนิวยอร์ก เส้นทางครอบคลุมทั้งอเมริกา อย่างต่ำก็สี่พันกิโลเมตร นี่มันไม่อ้อมไกลไปแล้วหรือไง?”
เฉียวเฟยหยู่เอ่ยตอบทันควันว่า “เขาบอกผมมาว่ามีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งในนิวยอร์กอยากได้ตัวหลี่เสี่ยวเฟินคนนั้น อีกฝ่ายต้องการให้พี่ชายผมรีบส่งคนไปให้เร็วที่สุด ฉะนั้นพี่ผมเลยให้ผมมารับคนที่นี่ รวมทั้งให้ผมรับผิดชอบเรื่องทดสอบด้วย……”
“ทดสอบ?!” เย่เฉินง้างฝ่ามือตบหน้าเฉียวเฟยหยู่เต็มแรง จนฟันเขาร่วงเจ็ดแปดซี่ ก่อนจะตวาดเสียงถามว่า “แกยังต้องเป็นคนทดสอบอีกงั้นเหรอ? แกอยากตายมากนักใช่ไหม?”
เฉียวเฟยหยู่ร้องไห้เอ่ยอธิบายทันทีว่า “ไม่ใช่แบบที่คุณคิด……ทดสอบที่ว่า ก็คือให้ผมดูรูปลักษณ์หน้าตาตัวจริงของหลี่เสี่ยวเฟิน ว่าเหมือนอย่างในรูปถ่ายหรือเปล่า ถ้าตัวจริงไม่ต่างอะไรจากรูปถ่าย ก็ให้ผมติดต่อเขาทันที เขาก็จะส่งเครื่องบินทะเลมารับหลี่เสี่ยวเฟินคนนั้นไปที่นิวยอร์ก……”
พูดเสร็จ เขาก็สะอื้นเอ่ยต่ออย่างน้อยใจว่า “ปกติถ้าเป็นผู้หญิงของคนใหญ่คนโต ผมก็ไม่มีทางกล้าแตะมั่วซั่วหรอก……”
เดิมทีเย่เฉินนึกว่า คนใหญ่คนโตที่อยากได้ตัวหลี่เสี่ยวเฟินที่ว่าก็คือพี่ชายของเฉียวเฟยหยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าคนใหญ่คนโตนั้นกลับเป็นอีกคนหนึ่ง
ดังนั้น เขาจึงรีบเอ่ยถามต่อว่า “คนใหญ่คนโตที่พี่ชายนายว่านั้นเป็นใคร?!”
เฉียวเฟยหยู่รีบอธิบายทันควันว่า “อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ……ผมรู้แค่ว่าคนคนนั้นเป็นยอดลูกค้า VIP คนสำคัญของพี่ชายผม ตัวตนของลูกค้า VIP พวกนี้ก็มีแต่พี่ชายผมคนเดียวที่รู้……”
เย่เฉินหันไปเอ่ยถามหัวหน้าคนนั้นเสียงเย็นว่า “ฉันถามนาย ที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า?”
หัวหน้าพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างอัตโนมัติว่า “ที่คุณชายสามพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด……ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า VIP ระดับสูงมีแค่คุณชายใหญ่คนเดียวที่รู้จริงๆ……”
เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น ก่อนเอ่ยถามเฉียวเฟยหยู่ว่า “ตระกูลเฉียวของพวกนายก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีสินทรัพย์รวมตั้งแสนล้านดอลล่าร์ ทำไมยังต้องมาทำเรื่องต่ำๆแบบนี้อีก?”
“อันนี้……อันนี้……”เฉียวเฟยหยู่ตะกุกตะกักขึ้นมาทันที
เย่เฉินเห็นเขาอืดอาดไม่พูดสักที พลันเหยียบตรงแผลขาขวาของเขา ถามเสียงขู่ว่า “จะพูดหรือไม่พูด?”
เฉียวเฟยหยู่เจ็บจนสูดปากร้อง รีบเอ่ยตอบทันทีว่า “ผมพูด……ผมพูด……”
จากนั้น ก็เอ่ยเสียงสั่นว่า “พี่ชายผมเขา……เขาต้องการสร้างคอนเนคชั่นกับพวกชนชั้นสูงสุดในอเมริกามานานแล้ว ดังนั้น……ดังนั้นเขาก็เลยสร้างห่วงโซ่อุปทานหนึ่งขึ้นมา……”
เย่เฉินขมวดคิ้วถาม “ห่วงโซ่อุปทานแบบไหน? สนองความต้องการอะไร?! ผู้หญิงงั้นเหรอ?”