ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3967 ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว
“หลักจากที่เฉียวปิ่งเฉิงมารับช่วงต่อ ก็คิดหาวิธีมากมายฟื้นฟูอำนาจตระกูลเฉียว ทว่ากลับไม่มีผลอะไร จนกระทั่งต่อมา คุณชายใหญ่ตระกูลเฉียว หรือก็คือพี่ชายของเฉียวเฟยหยู่ เฉียวเฟยหยุนที่ตอนนั้นกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ได้เข้าร่วมชมรมลับหนึ่งที่ลูกหลานคนรวยและพวกชนชั้นสูงรวมตัวกันก่อตั้งขึ้นมา ในชมรมนี้ เขาก็ได้รู้จักกับตระกูลใหญ่ในอเมริกาหรือลูกหลานผู้มีอิทธิพลไม่น้อย……”
“พอหลังจากที่เฉียวเฟยหยุนจบการศึกษา เขาก็เริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจกับธุรกิจมืด โดยรับจ้างให้ “บริการพิเศษ” กับพวกลูกหลานตระกูลใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีความโรคจิตไม่มากก็น้อย มีทั้งพวกต่อต้านสังคม พวกมีแนวโน้มใช้ความรุนแรง พวกมีรสนิยมทางเพศผิดแปลก หรือแม้กระทั่งบางพวกก็เสพติดการฆ่าคน แต่ไม่ว่าคนพวกนี้จะมีความต้องการที่วิปลาสขนาดไหน เฉียวเฟยหยุนก็สามารถหาวิธีมาเอาใจและตอบสนองความต้องการพวกนั้นได้ดีเสมอ……”
“และก็เพราะแบบนี้ คอนเนคชั่นของเฉียวเฟยหยุนกับพวกชนชั้นสูงก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มีคนมากมายที่ต้องพึ่งพา “บริการ” ของเขามาสนองความต้องการภายในใจที่โรคจิตของตัวเอง อีกทั้งก็มีคนมากมายที่มีความลับสกปรกสารพัดอยู่ในมือเขาด้วย เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนพวกนั้นก็เลย “แน่นแฟ้น” กันจนตัดไม่ขาด……”
พูดมาถึงตรงนี้ จ้าวอิ่นซานก็เอ่ยต่อว่า “ตั้งแต่ที่ห่วงโซ่อุปทานนี้ของเฉียวเฟยหยุนยิ่งทำก็ยิ่งรุ่ง ธุรกิจอื่นๆของตระกูลเฉียวเองก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าเขาอยากทำอะไร ก็จะสามารถหาคอนเนคชั่นและทรัพยากรได้เสมอ อีกทั้งยังมีคนคอยเปิดไฟเขียวให้ตลอดทาง เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้ตระกูลเฉียวก็เลยพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว!”
เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น พลันถามเสียงเย็นว่า “เฉียวเฟยหยุนคนนี้ ปกติมักจะมีการอยู่ที่ไหน? ห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสีเทาพวกนี้ หลักๆมักจะกระจุกตัวอยู่ตรงไหน?”
จ้าวอิ่นซานรีบเอ่ยตอบว่า “ปกติธุรกิจส่วนใหญ่ของตระกูลเฉียว ก็มักจะกระจุกตัวกันอยู่ที่ซีแอตเทิลจนถึงแถบ ชายฝั่งตะวันตก ทั้งหมด แต่ห่วงอุปทานธุรกิจสีเทาของเขา ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ ชายฝั่งตะวันออกแถวนครนิวยอร์ก เพราะนิวยอร์กมีคนรวยอยู่เยอะ ลูกค้าหลักๆของเขาก็มักจะอยู่กันที่นั่น”
พูดเสร็จ จ้าวอิ่นซานก็เอ่ยต่อว่า “แต่ถ้าคุณจะถามผม ว่าเฉียวเฟยหยุนปกติมักจะอยู่ที่ไหน อันนี้ผมก็ไม่รู้จริงๆ……เพราะความรับผิดชอบโดยหลักๆของผมแล้วคือมารับมอบคนที่ ชายฝั่งตะวันตก ขึ้นเหนือไปยังแวนคูเวอร์ ลงใต้ไปยังซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส และ เอนเซนาดา ของ เม็กซิโก งานส่วนอื่นๆนอกเหนือจากนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งอีก”
พูดมาถึงตรงนี้ จ้าวอิ่นซานก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พลันรีบเอ่ยต่อว่า “จริงสิ มีอย่างหนี่งครับคุณเย่ เมื่อปีก่อนเฉียวเฟยหยุนเพิ่งซื้อเกาะแห่งหนึ่งที่ แอตแลนติก หลังจากนั้นก็ดึงคนมาลงทุนไม่น้อย ตอนนี้ก็กำลังทุ่มทุนสร้างอย่างใหญ่โต ได้ยินมาว่าเขาอยากจะสร้าง “สวนสนุก” ปลอดภัยที่ห่างไกลจากดินแดนอเมริกาและไม่ถูกจำกัดด้วยสิ่งใดทั้งนั้น “สวนสนุก” ที่ว่านี้เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่เขาให้ความสำคัญมากสุด ณ ตอนนี้ ผมเดาว่าเขาจะต้องไปดูงานด้วยตัวเองบ่อยแน่ๆ!”
เย่เฉินเอ่ยถามว่า “เกาะที่ว่านี้อยู่ที่ไหน?”
จ้าวอิ่นซานส่ายหน้าตอบว่า “อันนี้……เป็นความลับขั้นสูง……ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน……”
เย่เฉินรู้ ว่าจ้าวอิ่นซานไม่ได้โกหก
เพื่อรอดชีวิต เขาบอกในสิ่งที่เขารู้ไปหมดแล้ว
ดังนั้น เย่เฉินเองก็ทำตามที่ตัวเองเคยรับปากเขาไว้ และเอ่ยกับจ้าวอิ่นซานว่า “ยินดีด้วย นายคือผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวบนเรือสำราญลำนี้”
พูดเสร็จ เขาก็หันไปสั่งว่านพั่วจวินว่า “พั่วจวิน พาเขาไปที่ซีเรียพร้อมกับแก๊งอิตาลี”
ว่านพั่วจวินพยักหน้า พลันปริปากเอ่ยว่า “คุณเย่ ให้ผมไปบอกเรือสินค้าที่อยู่ในพอร์ตออกเรือเลยดีกว่าครับ เรือลำนี้ของเราก็กำลังย้อนกลับไปพอดี เราไปหาจุดนัดพบกันตรงกลางทาง แล้วย้ายคนพวกนี้ไปเรืออีกลำ จากนั้นก็จะได้เดินทางไปที่ซีเรียเลย”