ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3970 ใช้ชีวิตตามปกติ
หลังจากที่เย่เฉินมาถึงบนบก สมาชิกแก๊งอิตาลีบนเรือ และจ้าวอิ่นซานต่างก็ถูกย้ายไปบนเรือสินค้าอีกลำที่กำลังจะออกจากท่าเรือ
ว่านพั่วจวินแบ่งกำลังคนครึ่งหนึ่งไปที่เรือสินค้าลำนี้ จากนั้นเรือสินค้าก็เร่งความเร็วเต็มกำลังออกจากพอร์ตแวนคูเวอร์ และมุ่งหน้าไปยังตะวันออกกลาง
ชายแปดร้อยกว่าคนที่มาจากเกาะซิซิลีอันงดงาม ที่ปกติมักจะสวมเสื้อโค้ทขนสัตว์ ปากดูดซิการ์ และถือปืนก่อกรรมทำชั่วไปทั่ว ในที่สุดพวกเขาก็ถูกบังคับให้ขึ้นมาบนเส้นทางใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตเป็นชนชั้นแรงงานต่างด้าวในตะวันออกกลาง
ณ วินาทีที่เรือออกเดินทาง ชายทั้งแปดร้อยกว่าคนต่างล้อมวงกอดคอกันร้องไห้อย่างเจ็บใจ เสียงร่ำไห้สะท้อนในโกดังสินค้าขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง บรรยากาศพลันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
พวกเขาไม่รู้ ว่าการไปซีเรียในครั้งนี้ จะได้กลับมาอีกทีตอนไหน ชีวิตนับต่อจากนี้ ก็มีแต่ความหม่นหมอง
คนส่วนใหญ่ในพวกเขาต่างรู้สึกเสียใจภายหลัง เสียใจที่ตัวเองเพิ่งจะยังอายุน้อย มีแขนมาขาครบทุกประการ แต่ทำอะไรไม่ทำดันมาเป็นมาเฟียซะงั้น
ทว่า มานึกเสียใจภายหลังในตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เพราะเย่เฉินไม่คิดจะเหลือทางเลือกอื่นให้กับพวกเขาเลย
เมื่อส่งเรือลำนี้ออกจากพอร์ตด้วยสายตาแล้ว ว่านพั่วจวินก็หันมาถามเย่เฉินว่า “คุณเย่ แล้วเด็กผู้หญิงพวกนั้นที่กำลังสลบอยู่จะเอายังไงดีครับ?”
เย่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง พลันเอ่ยว่า “เดี๋ยวนายให้คนไปหาที่ที่ปลอดภัย แล้วให้พวกเธอพักอยู่ตรงนั้นชั่วคราว รอพวกฉันออกจากที่นี่เมื่อไหร่ ก็ค่อยโทรเรียกให้รถฉุกเฉินมารับ ถึงเวลาโรงพยาบาลจะเป็นคนติดต่อครอบครัวของพวกเขาเอง”
“ครับ!” ว่านพั่วจวินรีบไปจัดการทันที ทหารของสำนักว่านหลงจึงพาพวกเธอไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย
ว่านพั่วจวินเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยกับเย่เฉินทันทีว่า “คุณเย่ กรณีของคุณหลี่เองก็ค่อนข้างจะพิเศษ เธอคือเป้าหมายหลักของตระกูลเฉียว ผมเกรงว่าพวกมันจะยังไม่ตายใจ อีกทั้งครั้งนี้เราก็กำจัดเฉียวเฟยหยู่และลูกน้องพวกมันไปจนเกือบหมด ตระกูลเฉียวต้องสืบหาเบาะแสแน่ๆ คุณเย่คิดว่าเราควรจัดการยังไงดีครับ?”
เย่เฉินเอ่ยเสียงเย็นว่า “ครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลเฉียว อีกทั้งแก๊งอิตาลีที่มีสมาชิกกว่าแปดร้อยกว่าคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พรุ่งนี้เช้าเรื่องนี้ก็ต้องถูกแพร่สะพัดไปทั่วแน่ๆ พวกเขาสืบไม่ถึงสำนักว่านหลงก็จริง แต่ก็น่าจะพอตระหนักได้ ว่าคนที่ทำเรื่องเหล่านี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดา”
“ถึงเวลา แก๊งทั้งหมดในแวนคูเวอร์ หรือคนที่อยากจะมาก่อเรื่องในแวนคูเวอร์ ก็ต้องคิดกันให้ดีๆ ว่าตัวเองมีปัญญาที่จะต่อกรกับคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี่ได้หรือเปล่า”
“อีกอย่าง รอให้ตระกูลเฉียวหาเฉียวเฟยหยู่และศพของคนพวกนั้นจนเจอ สิ่งแรกที่คิดได้คงไม่ใช่การแก้แค้นศัตรู แต่คือเกรงกลัวว่าร่องรอยตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว”
“เพราะฉะนั้น ฉันกล้าพนัน ว่าหนึ่งตระกูลเฉียวจะหวั่นเกรงว่าตัวเองจะต่อกรกับเราไม่ไหว และสองคือกลัวเรื่องจะถูกเปิดเผย ดังนั้นฉันเชื่อว่าพวกเขาจะไม่หาเรื่องใส่ตัว โดยการมาที่แวนคูเวอร์ในเร็วๆนี้แน่ กลับกัน พวกเขาจะทำทุกวิถีทาง เพื่อจะตัดขาดกับแวนคูเวอร์”
พูดเสร็จ เย่เฉินก็เอ่ยต่อว่า “ส่วนพวกแก๊งท้องถิ่นในแวนคูเวอร์ เดาว่าหลังจากเช้านี้ก็คงน่าจะไม่มีใครกล้าหือและเหิมเกริมจะทำเรื่องที่เลยเถิดอีก ฉะนั้นเสี่ยวเฟินก็จะยังคงปลอดภัยชั่วคราว”
เย่เฉินหันไปมองหลี่เสี่ยวเฟินที่ยืนอยู่ข้างกาย ก่อนจะเอ่ยว่า “ เสี่ยวเฟิน ช่วงนี้เธออย่าเพิ่งออกจากแวนคูเวอร์ เพราะที่นี่เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเธอ ณ ตอนนี้ ถ้าเธอออกจากที่นี่เมื่อไหร่ พวกที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็จะตามหาเธอเจอทันที”
หลี่เสี่ยวเฟินเอ่ยตอบโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดทันทีว่า “ค่ะพี่เย่เฉิน ถ้าพี่บอกให้อยู่ที่นี่ หนูก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป”
เย่เฉินพยักหน้า พลันพูดปลอบว่า “เธอเองก็ไม่ต้องกังวลเกินไป จะมีทหารฝีมือดีในสำนักว่านหลงอยู่ปกป้องเธอที่นี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็จะให้ว่านพั่วจวินย้ายกำลังคนมาที่แคนาดาเพิ่มอีก เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเธอทุกคนจะปลอดภัย ฉะนั้น เธอกับคลอเดีย แล้วก็ป้าหลี่ ก็อยู่ที่แวนคูเวอร์ไปก่อนชั่วคราว ใช้ชีวิตตามปกติได้เลย”