ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4072 ระเบิดตั้งเวลา
สิบนาทีต่อมา เฉินจ้างโจงเดินขึ้นมาชั้นบนพร้อมกับอาหาร
หลังจากเตรียมอาหารเสร็จ เฉินจ้างโจงก็ทักทายทุกคนกินข้าว และหลังจากที่ทุกคนนั่งลง เขาก็มองไปที่เย่เฉิน ลดเสียงลงแล้วถามว่า “คุณชายเย่ ผมมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมนินจาญี่ปุ่นพวกนั้นถึงกลัวคุณขนาดนี้?”
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า “คุณเคยได้ยินเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกสำนักว่านหลงแก้แค้นเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่?”
เฉินจ้างโจงพยักหน้า และพูดว่า “ผมก็เพิ่งได้ยินหลังจากที่เรื่องมันผ่านไปแล้ว พวกเขาบอกว่าตระกูลเย่มอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับสำนักว่านหลง ถึงรอดพ้นจากภัยพิบัติไปได้ ดังนั้นเมื่อผมเห็นคุณในวันนี้ ผมก็เลยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย”
เย่เฉินโบกมือ และพูดอย่างสบายๆ ว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือที่ผมจงใจปล่อยออกไปเท่านั้น สถานการณ์จริงมันตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่ตระกูลเย่ไม่ได้โอนทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้สำนักว่านหลง ในทางกลับกันสำนักว่านหลงก็หันมาจงรักภักดีต่อผม ผมแค่ไม่อยากทำให้ตระกูลเย่กลายเป็นต้นไม้ใหญ่และดึงดูดความสนใจเกินไป ดังนั้นจึงมีข่าวลือข้อนี้ขึ้นมา”
เฉินจ้างโจงตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เย่เฉินไม่เคยได้บอกเรื่องพวกนี้กับเขามาก่อนเลย ดังนั้นเขาจึงแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย
สำนักว่านหลงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตอนนี้กลับอยู่ภายใต้อำนาจของเย่เฉินไปแล้วงั้นเหรอ นี่เป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับความแข็งแกร่งของตระกูลเย่เลยทีเดียว อยากมองว่าทรัพย์สินของตระกูลเฟ่ยจะมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะก่อตั้งกองทัพทหารรับจ้างขนาดเท่าขนาดของสำนักว่านหลงขึ้นมาได้
ในเวลานี้เย่เฉินก็พูดอีกครั้งว่า “สำหรับนินจาหลายคนในวันนี้ พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของเพื่อนผมที่อยู่ในญี่ปุ่น พวกเขาเคยเจอผมมาก่อน ตอนที่อยู่บนภูเขาเย่หลิงซาน ดังนั้นพวกเขาจึงกลัว”
เฉินจ้างโจงใช้เวลานาน ถึงจะยอมรับในเรื่องที่เย่เฉินพูดได้ และก็อดถอนหายใจไม่ได้ว่า “คุณชายเย่ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของคุณ เกรงว่าตระกูลเย่อาจได้รับการจัดอันดับที่หนึ่งในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดแล้ว!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย และกล่าวว่า “เพราะว่าการเป็นที่หนึ่งในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเดียวนั้นมันคงไม่เพียงพอ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ซาอุดิในเอเชียตะวันตกเป็นอันดับสองรองจากตระกูลตระกูลรอธส์ไชลด์ในโลก ตระกูลเย่อยากจะเป็นที่หนึ่งในเอเชีย ก็ต้องก้าวข้ามราชวงศ์ซาอุดิ และถ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งของโลก ก็ต้องแซงหน้าราชวงศ์ซาอุดิ และยังมีหนทางอีกยาวไกล”
เฉินจ้างโจงพยักหน้า และพูดด้วยอารมณ์ว่า “ผมเชื่อว่า ด้วยความแข็งแกร่งของคุณชายเย่ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ที่ตระกูลเย่จะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกได้”
เย่เฉินยิ้มอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “หวังว่าเวลานั้นจะสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เฉินจ้างโจงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเย่เฉินขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เชื่อเลยว่าเย่เฉินจะสามารถทำให้ตระกูลเย่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกได้ แต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นความสงบ และความมั่นใจในตนเองที่ไม่อาจซ่อนได้ของเย่เฉิน เขาก็รู้สึกทันทีว่า ทั้งหมดนี้มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงเย่ฉางอิงพ่อของเย่เฉิน
แม้ว่าเย่ฉางอิงจะอยู่ในสมัยรุ่งเรืองที่สุด เขาก็ได้แต่จะถือว่าเป็นเป้าหมายนี้เป็นวิสัยทัศน์ที่สวยงามเท่านั้น และไม่เคยกล้าที่จะจินตนาการว่าสักวันหนึ่งมันจะเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินซึ่งอายุยี่สิบกว่าปี ก็ได้เริ่มไล่วิ่งตามเป้าหมายนี้ไปแล้ว
นอกจากอารมณ์ของเขาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณชายเย่ คุณมีแผนอย่างไร สำหรับเฟ่ยห้าวหยางคนนั้น? คนคนนี้ก็เป็นเหมือนระเบิดตั้งเวลา ความประมาทเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงครั้งใหญ่”
เย่เฉินเยาะเย้ย และกล่าวว่า “ลุงโจงไม่ต้องกังวล ไม่ต้องพูดถึงเฟ่ยห้าวหยางเล็กๆ แม้ว่าจะเป็นเฟ่ยเสวปิง เฟ่ยซานไห่ ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของผมเลย อย่างน้อยก็แค่กำจัดพวกเฟ่ยซานไห่ เฟ่ยเสวปินและเฟ่ยห้าวหยางทั้งสายเลือดนี้ไปพร้อมกันเลย แล้วก็ดึงคุณท่านเฟ่ย เฟ่ยเจี้ยนจง กลับไปเป็นหัวหน้าตระกูลเฟ่ยอีกครั้ง”
เฉินจ้างโจงถามด้วยความประหลาดใจอย่างมากว่า “คุณชายเย่……..คุณรู้ว่าคุณเฟ่ยเจี้ยนจงอยู่ที่ไหนเหรอ?! ตระกูลเฟ่ยกำลังตามหาเขาอย่างบ้าคลั่งมาโดยตลอด! สำหรับเฟ่ยซานไห่แล้ว ถ้าคุณท่านเฟ่ยไม่ตายสักวัน ตำแหน่งที่นั่งของหัวหน้าตระกูลก็ไม่ปลอดภัย!”