ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4096 ทำอะไรไม่ถูก
ในเวลานี้อานฉงชิวหยิบอาหารจานเย็นออกมาจากถุงกระดาษ ในนั้นมีทั้งหัวหมูตุ๋น หูหมู และผักเครื่องเคียงรสชาติอร่อนอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงถั่วลิสงและอื่นๆ
ขณะที่เขาเปิดห่อและจัดของทีละอย่าง เขาก็ถอนหายใจไปด้วย “ไอ้หย่า มีก็แต่เป็ดหันสไตล์กวางตุ้งที่ไชน่าทาวน์สุดอร่อยที่วันนี้ไม่เปิด ไม่อย่างนั้นคงจะได้ซื้อเป็ดย่างกินเพิ่ม”
หลี่ญ่าหลินเบ้ปาก “นั่นมันอร่อยตรงไหนกัน หวานจะตาย แถมยังมัน ย่างกินโดยตรงยังจะดีกว่า”
อานโฉงชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นสไตล์กวางตุ้ง ถ้าเอามันไปย่างแล้วค่อยหั่นเป็นเนื้อมาห่อให้นายกิน แบบนั้นก็กลายเป็นเป็ดย่างเย่นจิงไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
พูดไป อานฉงชิวก็ยื่นตะเกียบให้เขา หลี่ญ่าหลิหาถ้วยน้ำแบบใช้แล้วทิ้งสองใบมาและเทเหล้าลงในแก้ว
หลี่ญ่าหลินหยิบถ้วยขึ้นมาและพูดด้วยความรอไม่ไหว “มา สักแก้ว!”
อานโฉงชิวพยักหน้า ทั้งสองชนแก้วกระดาษกันเป็นพิธี จากนั้นก็ดื่มคนละจิบ
จากนั้นอานฉงชิวก็วางแก้วลงแล้วถามว่า “นายกับฉันเป็นพี่น้องกันมาหลายปี ตอนนี้มีอะไรให้ฉันช่วยไหม? ถึงแม้ว่าไม่กี่ปีมานี้ตระกูลอานจะหันไปสนใจด้านทางชายฝั่งตะวันตก แต่นิวยอร์กก็ยังเป็นฐานที่เก่าของเรา ที่นี่ยังมีคนของเราอยู่มากมาย น่าจะช่วยนายได้บ้าง”
หลี่ญ่าหลินยิ้มอย่างรู้เท่าทันและเอ่ย “ขอบคุณนายมากสำหรับความหวังดี เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าเรื่องในตอนนี้ไม่ใช่คนเยอะแล้วจะแก้ไขได้ เบาะแสขาดตอนมากเกินไป ราวกับว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่มาตัดมันออกไป ดูเหมือนว่าจะมีทีมงานขนาดใหญ่และเป็นมืออาชีพอย่างมากอยู่เบื้องหลัง ถ้าฉันยังหาช่องโหว่ของทีมนี้ไม่พบ คดีนี้คงแก้ไม่ตก”
อานโฉงชิวพยักหน้าและถอนหายใจ “ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีใครกล้ามาลักพาตัวตระกูลเฟ่ยในนิวยอร์ก แถมยังทำให้นักสืบชาวจีนอย่างนายถึงกับเสียสูญ หรือว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตในนิวยอร์กกัน?”
เมื่อได้ยินการตัดสินของอานโโฉงชิวหลี่ญ่าหลินก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น: “ฉันก็คิดเหมือนนาย ในนิวยอร์ก มีคนไม่กี่คนที่กล้าแตะต้องตระกูลเฟ่ย หากรวม Rothschild และตระกูลอานของพวกนาย อย่างมากสุดก็มีแค่สี่หรือห้าตระกูลเท่านั้นที่มีกำลังมากพอ แต่ครั้งนี้ วิธีลงมือของคนพวกนี้ ไม่เหมือนกับตระกูลไหนของพวกนายเลย”
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ” อานโฉงชิวเองก็เห็นด้วยและกล่าวว่า “วิธีการลงมือแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลใหญ่พวกนี้จะสามารถทำได้แค่มองก็รู้แล้วว่าดิบเถื่อนอย่างมาก เถื่อนจนแปลก”
“นายเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน?” หลี่ญ่าหลินถอนหายใจ: “ฉันเคยคิดว่ามันอาจจะเป็นแก๊งใหม่สักแก๊ง โดยทั่วไปแล้ว ถ้าแก๊งใหม่ต้องการจะเป็นที่หนึ่งก็มักจะต้องทำอะไรบางอย่างที่สั่นสะเทือนโลก แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ ก็ดูเหมือนว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าแก๊งไหนเล่นแบบนี้ ก็เท่ากับเป็นการเดินเข้าทางตัน ไม่มีแก๊งไหนสู้ความแข็งแกร่งของตระกูลเฟ่ยได้”
อานโฉงชิวเห็นด้วย “อีกทั้งฉันแน่ใจว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อเงิน เพราะถ้าทำเพื่อเงินจริงๆ พวกเขาคงจะไม่เสนอเงื่อนไขที่เกินจริงอย่างเงินค่าไถ่สองแสนล้านเหรียญ เพราะนี่แทบจะเทียบเท่ากับการลักพาตัวผู้สัญจรไปมาไม่กี่คนในนิวยอร์ก แล้วขอให้รัฐบาลสหรัฐส่งมอบกองเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหมดออกมาอะไรแบบนั้นไปแล้ว”
หลี่ญ่าหลินพยักหน้า: “ไม่ใช่เพื่อเงิน เรื่องนี้ก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีกแล้ว”
พูดไป เขาก็ถามอานโฉงชิวว่า “โฉงชิวนายได้ดูวิดีโอร้อนแรงพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ตรึเปล่า?”
อานโฉงชิวพยักหน้า: “ดูแล้ว”
หลี่ญ่าหลินขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่รู้ว่าทำไม ฉันมักจะรู้สึกว่าในนั้นมีเรื่องชั่วร้ายอยู่มากมาย! ชั่วร้ายมาก! วิดีโอทั้งสองอันก่อนหน้านี้ มองเผินๆเริ่มจากการใช้ความคิดเห็นของสาธารณชนกดดันตระกูลเฟ่ย แต่ในตอนท้ายกลับถูกตระกูลเฟ่ยฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์ และทำให้ตระกูลเฟ่ยเล่นเกมแกล้งปล่อยค่อยจับได้อย่างสมบูรณ์แบบ…แต่ในความจริง ฉันกลับรู้สึกว่าทั้งหมดนี้มีใครบางคนตั้งใจควบคุมมันอยู่ และคิดจะปล่อยให้ตระกูลเฟ่ยได้มีโอกาสได้มีทางเล่นเกมแกล้งปล่อยค่อยจับนี้….” …”