ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4099 โรคร้าย
หลี่ญ่าหลินได้ฟังก็อึ้งไปทันที เขากล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อจริงๆ….ในโลกนี้จะมีสิ่งมหัศจรรย์แบบนั้นอยู่ด้วย มหัศจรรย์ถึงขนาดที่คิดไม่ออกว่ามันจะสามารถเชื่อมโยงกับพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ใดได้ และรู้สึกว่าหนังสือจำนวนมากที่เรียนมาในสหรัฐอเมริกาล้วนเสียเปล่าไปแล้ว”
อานโฉงชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นเมื่อกี้ฉันถึงได้บอก มีเรื่องมากมายที่พวกเราไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ แต่บางทีปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เรื่องนั้น แต่เป็นพวกเราที่รู้ไม่มากพอ”
หลี่ญ่าหลินถอนหายใจและกล่าวว่า “ถ้าฉันมียานี้จริงๆ คุณท่านที่บ้านฉันบางทีอาจจะอายุยืนขึ้นก็ได้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ฉันไม่มีปัญญาจ่ายไหว”
พูดจบ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็มองไปที่อานโฉงชิวแล้วถามว่า “ทำไมนายถึงอยากซื้อสิ่งนี้? ให้ใครใช้?”
อานโฉงชิวถอนหายใจ “ให้พ่อฉัน อาการโรคอัลไซเมอร์ของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อยๆแล้ว”
“โรคอัลไซเมอร์?” หลี่ญ่าหลินโพล่งออกมา “ภาวะสมองเสื่อมใช่มั้ย?! คุณลุงอานเป็นโรคนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อานโฉงชิวถอนหายใจ: “เขาป่วยมานานกว่าสองปีแล้ว ตอนแรกๆก็พบว่าเขามักจะลืมของได้ง่ายๆเสมอ บางครั้งเขาก็จำไม่ได้ว่าวางของไว้ที่ไหนทั้งๆที่เพิ่งวางมันลงไป บางทีเมื่อกี้เพิ่งพูดอะไรไปพริบตาเดียวก็ลืมไปแล้วแถมยังพูดซ้ำขึ้นมา บางทีเวลานายพูดอะไรกับเขา เขาเหมือนจะเข้าใจ แต่พริบตาก็กลับมาถามนายอีกครั้ง…”
“ในตอนนั้นพวกเราก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดเข้ามาช่วยดูแล้ว อีกทั้งยังพาเขาไปฝึกอย่างเป็นระบบเพื่อต่อสู้กับโรค แต่สาเหตุของโรคคือการทำงานของสมองลดลง ดังนั้นจึงไม่มีการรักษาที่ได้ผลในทางการแพทย์ จากนั้นอาการของเขาก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ”
กล่าวถึงตรงนี้ อานโฉงชิวก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “นายว่าแม่งโรคนี้ช่างประหลาดจริงๆ เรื่องที่ยิ่งใกล้กลับยิ่งจำไม่ได้ เรื่องที่นานออกไปก็ยิ่งจำได้น้อย พัฒนาการของชายชรามาจนถึงช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาล้วนเป็นความว่างเปล่า เห็นชัดๆว่าลูกชายฉันเพิ่งให้กำเนิดหลานชายของเขา แต่เขากลับคิดตลอดว่าลูกชายของฉันยังไม่ได้แต่งงาน ทุกครั้งที่เห็นเขาก็มักจะกระตุ้นให้เขาแต่งงานเร็ว ๆ ต่อมาอาการของเขาก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ จนจำเรื่องสิบปีที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว เมื่อเจอลูกชายของฉันเขาก็จำไม่ได้แล้ว นั่นเพราะในความทรงจำของเขา ลูกชายของฉันยังเป็นชายหนุ่มเมื่อสิบปีก่อน… ”
เมื่อหลี่ญ่าหลินได้ยินเช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้: “คุณลุงอานเป็นบุคคลสำคัญในหมู่ชาวจีนทั่วโลก เขายืนหยัดมาทั้งชีวิต โรคนี้ สำหรับเขาแล้วเป็นการทรมานอย่างยิ่ง…”
อานโฉงชิวปิดหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยนัยน์ตาแดงก่ำว่า “อาการของเขาแย่ลงมาตลอด ความจำของเขาเสื่อมลงจากสามหรือห้าปีเป็นมากกว่าสิบปี และเมื่อหกเดือนก่อนก็ลดถอยไปเกือบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว…”
ในขณะที่พูด โฉงชิวก็เงียบลงไป และมีน้ำตาไหลออกมาจากกรอบตาอย่างห้ามไม่อยู่
หลี่ญ่าหลินเบิกตากว้างและโพล่งออกมา “โฉงชิวเรื่องของพี่สาวนาย…ก็เกือบ 20 ปีที่แล้วสินะ… ”
“ใช่…” ฉงชิวคร่ำครวญ “ตอนนี้ความทรงจำของเขาติดอยู่ในช่วงเวลาที่พี่สาวของฉันเพิ่งเสียชีวิตไป นั่นเป็นช่วงที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเขา ตอนนั้นทุกวันเขาล้วนเสียใจและเอ่ยโทษตัวเองทุกวัน ใช้น้ำตาล้างหน้า เมื่อความทรงจำของเขาชะงักอยู่ที่นี่ เมื่อเขาตื่นนอนมาทุกวันก็จะแอบร้องไห้กับรูปพี่สาวของฉัน และบอกเสมอว่าเป็นเขาที่ฆ่าพี่สาวฉัน และสุขภาพของเขาก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงอย่างมาก”
หลี่ญ่าหลินถามอย่างเร่งรีบ “อย่างนั้นหากผ่านไปอีกสักพักน่าจะดีขึ้นไหม? ฉันหมายถึงว่าเมื่อความทรงจำของเขายังลดถอยไปอีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนตอนนั้นก็จะเป็นขั้นสงครามเย็นระหว่างเขากับพี่สาวของนายก่อนที่พี่สาวนายจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างนั้นจะดีกว่าไหม?”
อานโฉงชิวพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันก็เคยคิดอย่างนั้นมาก่อน แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า ช่วงตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ความทรงจำของเขากลับยังไม่ถดถอยไปอีกเลย….อาจเป็นเพราะช่วงเวลานี้ส่งผลกระทบรุนแรงเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นความทรงจำของเขาจึงติดอยู่ที่นี่…”
หลี่ญ่าหลินตะลึงงันและพึมพำครู่หนึ่ง: “ความทรงจำติดอยู่ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต…นี่…ช่างเป็นความโหดร้ายเกินไปจริงๆ”