ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4103 ตัวตนแสนล้าน
อานโฉงชิวพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช้ไปหาเงินไปไง ในปีก่อนๆรายได้จากกองทุนทรัสต์นั้นสูงมาก เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับกำไรมากกว่าสิบจุดต่อปี นอกจากนี้มันยังเป็นดอกเบี้ยแบบทบต้น ดังนั้นยิ่งหมุนเวียนไปก็ยิ่งมากขึ้นโดยธรรมชาติ”
พูดถึงตรงนี้ อานโฉงชิวก็กล่าวเสริมว่า “ดังนั้น เมื่อนายฟังแล้วอาจดูเหมือนพวกเราโง่มากจนถึงขั้นดื้อรั้นและใช้เงินไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ที่จริงแล้ว พวกเรากลับไม่ได้ใช้ทุนอะไรเลย และทุกอย่างก็มีคนไปทำให้โดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องลงมือลงแรงเอง และเมื่อคิดคำนวณในตอนสุดท้าย อันที่จริงก็ยังมีกำไรอยู่”
หลี่ญ่าหลินยอมแล้ว เขาถอนหายใจและเอ่ย “กำไรหมุนกำไร เงินต่อเงิน ในยุคสงบ พวกนายคนมีเงินก็มั่งมีไปตลอดชั่วโคตร…”
พูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะตัวเอง “ไม่เหมือนฉัน แค่รู้วิธีจับกุมคนและไขคดี ไม่มีหัวทางเศรษฐกิจเอาซะเลย”
อานโฉงชิวเอ่ยอย่างจริงจัง “ตามหลักแล้ว หากลูกหลานคนรวยรู้จักควบคุมมือตัวเองให้ดี อย่าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แบบนั้นต่อให้คนรวยมีเงินแต่ร้อยล้านแล้วใส่ในกองทุนทรัสต์ มันก็ยังสามารถรับประกันได้ว่าลูกหลานของเขาจะไม่ขาดเงินใช้”
หลี่ญ่าหลินอดถอนหายใจไม่ได้ “หากหาตัวหลานชายของนายคนนั้นเจอแล้ว ค่าตัวของเขาไม่เพิ่มขึ้นไปเป็นสามสี่หมื่นล้านดอลลาร์เลยหรือไง?!”
“ไม่ใช่แค่นั้น” อานโฉงชิวเอ่ย “ตอนที่อาการของคุณพ่อหนักมากขึ้น เขากลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเลอะเลือนและสูญเสียความสามารถในการตัดสินไป ดังนั้นเขาจึงเติมเงินกว่าหกหมื่นล้านลงในบัญชีเดียวจนเป็นแสนล้าน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเงื่อนไขของกองทุนทรัสต์ว่าเงินต้นแสนล้านนี้ห้ามแตะต้องและเก็บไว้เพื่อหลานชายของฉันทั้งหมด และทำได้แค่เอากำไรประจำปีออกไปหาคน แต่ถึงอย่างนั้นกำไรต่อปีก็หลายพันล้านเหรียญไปแล้ว”
“ดังนั้น หากหาตัวหลานชายของฉันคนนั้นเจอละก็ ค่าตัวของเขาก็จะเพิ่มไปเป็นแสนล้าน!”
หลังจากฟังแล้ว หลี่ญ่าหลินก็จุดซิการ์ขึ้นมาและสูบช้าๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง จัดคอเสื้อของเขาแล้วยิ้มพูดว่า “โฉงชิว นายคิดยังไงกับฉันในฐานะหลานชายของนาย?”
อานโฉงชิวตะลึงไป จากนั้นก็ค่อยได้สติกลับมาแล้วหัวเราะด่าเขาว่า “ไปหาลุงนายไป”
หลี่ญ่าหลินหัวเราะร่าและเอ่ยว่า “เป็นหลานชายนายแล้วมีค่าตัวถึงแสนล้านเชียวนะ ตามวิถีที่คนรวยอย่างพวกนายเล่นกัน ใช้เงินไปจนตายก็ยังใช้กำไรดอกเบี้ยได้ไม่หมดด้วยซ้ำ… ”
อานโฉงชิวส่ายหัวและหัวเราะ “แค่ไม่รู้ว่า ฉันจะหาหลานชายฉันคนนั้นเจอไหม หากหาเขาเจอ เห็นทีความลำบากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คงไม่เสียเปล่าแล้ว หากคิดถึงสิ่งที่แม่ของเขาเสียสละให้กับตระกูลอาน เงินแค่แสนล้านไม่ถือว่ามากอะไร”
พูดไป เขาก็เอ่ยอย่างเสียใจว่า “น่าเสียดายที่คุณพ่อล้มป่วยแล้ว ถ้าพ่อเจอเขาจริงๆ ก็อาจจำเขาไม่ได้ แม้ว่าจะบอกไปว่าเป็นเขา พ่อก็อาจไม่ยอมเชื่อ ถ้าพ่อสุขภาพแข็งแรงและได้เจอเขาจริงๆ เกรงว่าพ่อคงจะยิ่งยกเงินอีกก้อนไปให้เขาด้วย หลายปีมานี้แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่เขาก็ห่วงใยหลานชายคนนี้จริงๆ”
จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “อ้อใช่ นายหญิงใหญ่เองก็เก็บเงินไว้ให้หลานชายของเธอไม่น้อย เธอมักจะบอกเสมอว่าถ้าเจอเขาจะให้เขาทั้งหมด แม้ว่ามันจะไม่มากขนาดแสนล้าน แต่อย่างน้อยๆก็มีเป็นพันหมื่นล้าน”
หลี่ญ่าหลินตะลึงจนชินไปบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจอะไรและแค่พูดติดตลกว่า: “นายที่เป็นลุงใหญ่ จะไม่แสดงท่าทีอะไรบ้างหรือไง?”
“ยังต้องพูดอีกเหรอ?” อานโฉงชิวกล่าวอย่างจริงจังว่า “พี่สาวของฉันเป็นคนที่ฉันชื่นชมมากที่สุดในชีวิต ถ้าสามารถหาหลานชายของฉันเจอ ฉันจะให้เขาหนึ่งหมื่นแปดพันแปดร้อยล้านกับเขา ข่ายเฟิง จาวหนาน โยวโยว พวกเขาทั้งสามคนเอง แต่ละคนก็คงให้ไม่น้อยกว่าหมื่นล้าน…หากลองคำนวณดูก็คงรวมกันเกือบสองแสนล้านแล้ว…”
หลี่ญ่าหลินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “หากรวมออกมาก็เป็นคนรวยที่สุดในโลกของ Forbes แล้ว…”
อานโฉงชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อันนั้นนับไม่ได้ หากจะนับเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกจริงๆ อย่างนั้นคนที่อยู่อันดับหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่สามารถแม้แต่จะติดสิบอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉงชิวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่า “เฮ้อ เงินสองแสนล้านแล้วยังไงกัน? พูดไปแล้วฟังเหมือนมาก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติกลับไม่สามารถซื้อยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งได้ด้วยซ้ำ”