ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4105 อ้อยเข้าปากช้าง
ซ่งเผิงไม่สงสัย เขาพยักหน้า เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบตัว ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มแจ่มใสและเอ่ยปากว่า “เสี่ยวหยวนหยุดเลิกงานแล้ว ฉันจะพาเธอไปลาสเวกัสเที่ยวเล่นเป็นไง?”
“ไปลาสเวกัส?” สาวใช้พูดอย่างอึดอัด “แค่เราสองคนเหรอ?”
“ใช่!” ซ่งเผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นพวกเราสองคน บียอนเซ่มีงานใหญ่ที่ลาสเวกัสคาสิโนเมื่อเร็วๆ นี้ เธอชอบบียอนเซ่มาตลอดไม่ใช่หรือไง? ฉันจะพาเธอไปดู เปิดโลกสักหน่อย”
สาวใช้ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดูหมิ่นในใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเธอได้ยินเรื่องแบบนี้ ในใจคงจะตั้งหน้าตั้งตารออย่างยิ่งแน่
แต่ตอนนี้ ก็แค่บียอนเซ่ จะมาเธอเข้าตาได้ยังไง?
ในความคิดของเธอ ต่อไปตนเป็นถึงว่าคุณนายของตระกูลเฉียวเชียวนะ
ดังนั้น เธอจึงแทบจะเอ่ยปากปฏิเสธในทันที
อย่างไรก็ตาม เธอนึกขึ้นได้ถึงคำกำชับของเฉียวเฟยหยุนขึ้นมาอีกครั้ง ว่าให้เธอคอยจับตาดูให้มากหน่อย ดังนั้นเธอจึงมองดูซ่งเผิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ามีโอกาสจริงๆ ฉันก็ไม่มีปัญหาแน่ แต่ตอนนี้มีในตระกูลมีเรื่องหลายอย่าง พวกเราคงไม่ได้พักกันเร็วๆนี้หรอก?”
ซ่งเผิงเบ้ปากแล้วพูดอย่างสบายๆว่า “พวกเราก็เป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ ถึงเวลาพักก็ควรพัก ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเจ้าบ้านมากเกินไปหรอก นอกจากนี้ เรื่องที่เธอกังวลก็อาจไม่มาถึงตัวเธอ ยกตัวอย่างคนใช้อย่างพวกเธอ โดยปกติแล้วมีคนผลัดกันจำนวนมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นทุกคนก็ไม่พักแล้ว และรีบพุ่งไปที่ห้องนายหญิงกัน แบบนั้นนายหญิงก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน”
สาวใช้พยักหน้า: “ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล…”
ซ่งเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่เดิมมันก็เป็นอย่างนี้แหละ”
พูดจบ เขาก็ลดเสียงลงแล้วพูดกับสาวใช้ว่า “ตอนนี้ฉันกำลังคุยงานครั้งใหญ่ เพิ่งจะดีลได้เมื่อสองวันมานี้แหละ ถึงเวลานั้นจะต้องมีโบนัสไม่น้อยแน่ รอให้ฉันได้โบนัสแล้วฉันจะพาเธอไปปลดปล่อยที่ลาสเวกัสสองสามวัน!”
สาวใช้ดูถูกอยู่ในใจ แต่ปากก็ถามด้วยความสงสัย “งานใหญ่อะไรกัน? บอกฉันบ้างสิ สนองความอยากรู้อยากเห็นของฉันหน่อย”
ซ่งเผิงเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่านต้องการซื้อเครื่องบินโดยสารคองคอร์ด บังเอิญฉันรู้ว่ามีตระกูลในฝรั่งเศสที่ต้องการขายเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดลำหนึ่งอยู่พอดี ดังนั้นก็เลยติดต่อกับคนของพวกเขาอยู่”
สาวใช้ถามอย่างไม่เข้าใจ “เครื่องบินโดยสารคองคอร์ดคืออะไร?”
ซ่งเผิงอธิบาย “เป็นเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงชนิดหนึ่ง สามารถบินได้มากกว่า 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”
สาวใช้ถามอีกว่า “ซื้อเครื่องบินเร็วขนาดนั้นไปจะมีประโยชน์อะไรกัน?”
“แน่นอนว่ามีประโยชน์สิ!” ซ่งเผิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้คุณท่านส่งคนไปญี่ปุ่น ถ้าไม่มีเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดก็จะต้องใช้เวลาบินอย่างน้อย 13 ชั่วโมง แต่ถ้ามีมันก็จะใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่ง”
เมื่อสาวใช้ได้ยินเกี่ยวกับญี่ปุ่น จู่ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องที่เฉียวเฟยหยุนบอกตัวเองให้ใส่ใจเป็นพิเศษว่ามีใครพูดถึงนินจาญี่ปุ่นหรือไม่ ดังนั้นในใจเธอจึงตื่นตัวอยู่ครู่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันความทะเยอทะยานในใจทำให้เธอระแวดระวังขึ้นมาและในขณะเดียวกันก็อดตื่นเต้นไม่ได้
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อเฉียวเฟยหยุนบ้าง เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าถึงแม้เธอจะมาจากพื้นเพที่ต่ำต้อยและไม่ได้ร่ำเรียนอะไรมามากมาย แต่ตนเองก็สามารถเป็นคุณนายที่ดีได้ในอนาคต
ดังนั้น เธอจึงรีบเอ่ยถามหยั่งเชิงไป “ไปญี่ปุ่น? คงไม่ได้ไปหานินจาญี่ปุ่นอะไรนั่นหรอกนะ?”
ซ่งเผิงตกตะลึงไปเล็กน้อยและรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากและพูดอย่างสบายๆ ว่า “เรื่องนี้เธออย่าได้พูดมั่วซั่ว ตัวเองรู้ก็พอแล้ว”
สาวใช้ตื่นเต้นมากสุดขีดอยู่ในใจ จากนั้นก็พยักหน้าติดๆและพูดว่า “ได้เลยฉันรู้! ใช่สิซ่งเผิง ฉันต้องไปดูนายหญิงสักหน่อย เรื่องลาสเวกัส นายสะดวกเมื่อไหร่ก็บอกฉัน”
ซ่งเผิงยิ้ม “ได้ ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเธอล่วงหน้า!”
สาวใช้เอ่ย “งั้นฉันไปก่อนนะ”
จากนั้นเธอก็หันหลังจากไป
ซ่งเผิงจ้องมองที่เบื้องหลังสาวใช้ สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่เอวและสะโพกที่กำลังยักย้ายของเธอ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ: “เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้…บางทีอาจจะยังบริสุทธิ์อยู่… อ้อยเข้าปากช้าง… คราวนี้ฉันไม่ยอมให้เธอบินหนีไปแน่!”